คุณอาจเคยฝันถึงการส่งต้นฉบับไปยังสำนักพิมพ์ขนาดใหญ่ เช่น a book Publishing, Salmon Books Link หรือ Jamsai แต่ปัญหาคือ สำนักพิมพ์เหล่านี้ยอมรับและพิมพ์ต้นฉบับจากนักเขียนเพียงไม่กี่ราย เมื่อเทียบกับจำนวนงานเขียนที่พวกเขาได้รับ
แต่คุณก็ยังไม่หมดหนทางซะทีเดียว เพราะการพิมพ์หนังสือด้วยตนเองได้กลายเป็นทางเลือกที่สามารถทำได้จริงสำหรับการนำเรื่องราวไปสู่ผู้อ่าน อย่างนวนิยายอย่าง The Martian และ Fifty Shades of Grey เคยเป็นหนังสือที่เผยแพร่ด้วยตนเอง ก่อนที่จะกลายเป็นหนังสือขายดีและสร้างแรงบันดาลใจให้กับการสร้างภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์ ซึ่งตามข้อมูลจาก WordsRated นักเขียนทุกคนต่างมีวิธีการข้ามผู้คัดกรองและพิมพ์หนังสือในแบบของตัวเอง มาดูไปพร้อมๆ กัน
จะพิมพ์หนังสือของคุณเองได้หรือไม่?
คำตอบคือ “ได้” คุณสามารถพิมพ์หนังสือของตัวเองได้ง่ายกว่าที่คิด บริษัทรับพิมพ์หนังสือหลายแห่งอำนวยความสะดวกรับพิมพ์หนังสือคุณภาพสูง พร้อมตัวเลือกดีไซน์ที่ปรับแต่งได้ และบางบริษัทยังสามารถช่วยคุณจัดจำหน่ายผลงานของคุณในเว็บไซต์ต่างๆ อีกด้วย
พิมพ์หนังสือขายเอง มีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่?
ค่าใช้จ่ายในการพิมพ์หนังสือของคุณขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย รวมถึงจำนวนหน้า ขนาด รูปแบบการเย็บเล่ม ประเภทปก น้ำหนักกระดาษ และคุณภาพของหมึก
ตัวอย่างเช่น หนังสือปกอ่อนขาวดำที่มีจำนวนน้อยกว่า 108 หน้า อาจมีค่าใช้จ่ายเพียง 70 บาทต่อเล่ม ในขณะที่นวนิยายปกอ่อนขนาด 300 หน้าจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 150 หรือ 200 บาทต่อเล่ม ส่วนขนาดหนังสือที่ใหญ่ขึ้น ปกแข็ง และหมึกสีจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ตัวอย่างเช่น หนังสือภาพขนาด 8.5 x 11 นิ้ว 100 หน้าที่มีปกแข็ง สีพรีเมียม และกระดาษคุณภาพสูงมีราคา 1,000 บาท ซึ่งใน Lulu ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการเผยแพร่และจัดจำหน่ายออนไลน์
บางบริษัทพิมพ์หนังสือ เช่น IngramSpark จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการอัปโหลดต้นฉบับของคุณลงบนเว็บไซต์ของพวกเขา ในขณะที่ผู้พิมพ์อื่นๆ เช่น Amazon, Kindle หรือ Direct Publishing จะให้คุณอัปโหลดต้นฉบับได้ฟรี นอกจากนี้ คุณยังสามารถลดค่าใช้จ่ายและหลีกเลี่ยงการเก็บสต็อกสินค้า ด้วยการใช้บริการพิมพ์ตามสั่งได้อีกด้วย
9 ขั้นตอน พิมพ์หนังสือขายเอง
- พรูฟและแก้ไขข้อความ
- เลือกขนาดหนังสือ
- เลือกปกแข็งหรือปกอ่อน
- เลือกประเภทการเย็บเล่ม
- สเปกกระดาษและหมึกพิมพ์
- เลือกการจัดรูปแบบตัวอักษร
- ออกแบบปกหนังสือ
- เตรียมไฟล์ของคุณ
- เช็คตัวอย่างหนังสือ
คุณเขียนหนังสือเสร็จแล้ว ยินดีด้วย! เพราะส่วนที่ยากที่สุดได้ผ่านไปแล้ว แต่ก็ยังมีขั้นตอนอีกนิดหน่อยที่ต้องทำเพื่อทำให้หนังสือของคุณมีชีวิตชีวา บริษัทรับพิมพ์หนังสือส่วนใหญ่เปิดโอกาสให้ลูกค้าคัสต้อมได้หลากหลาย ซึ่งการคัสต้อมเหล่านี้ส่งผลต่อคุณภาพและค่าใช้จ่ายของสินค้าต่อยูนิต
มาดูวิธีการพิมพ์หนังสือขายเองใน 9 ขั้นตอน ด้านล่าง
1. พรูฟและแก้ไขข้อความ
แม้ว่าการเปิดผลงานของคุณให้คนอื่นวิจารณ์อาจดูน่ากังวล แต่การได้รับความคิดเห็นจากผู้อื่นเป็นสิ่งสำคัญ ลองให้คนอื่นอ่านงานของคุณให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ก่อนที่จะล็อกต้นฉบับสุดท้าย ไม่ว่าคุณจะต้องการความคิดเห็นในระดับสูงหรือการตรวจสอบการสะกดและความชัดเจน การให้คนอื่นช่วยอ่านสามารถช่วยคุณพบข้อบกพร่องที่คุณมองข้าม แก้ไขข้อผิดพลาดทั้งใหญ่และเล็ก รวมถึงช่วยปรับปรุงต้นฉบับของคุณโดยรวม คุณสามารถจ้างบรรณาธิการมืออาชีพ ขอให้คนที่คุณรู้จักที่มีประสบการณ์หรือสนใจงานในแนวของคุณ หรือขอความคิดเห็นจากผู้อ่านในเครือข่าย ทั้งทางอาชีพและส่วนตัวของคุณได้
2. เลือกขนาดหนังสือ
บริษัทรับพิมพ์หนังสือส่วนใหญ่จะรองรับการผลิตหนังสือหลายขนาด ประเภทของหนังสือที่คุณจะพิมพ์เองก็อาจมีอิทธิพลต่อขนาดที่คุณเลือก ตัวอย่างเช่น นวนิยาย หนังสือการค้า การ์ตูน และหนังสือเด็กมักมีรูปทรงที่แตกต่างกัน นวนิยายมักจะมีขนาดเล็กและหนา ในขณะที่หนังสือเด็กมักจะมีขนาดใหญ่และแบน คุณสามารถหาแนวทางและไอเดียได้จากบรรดาหนังสือในหมวดหมู่คล้ายๆ กันในตลาด
3. เลือกปกแข็งหรือปกอ่อน
หนังสือปกอ่อนมีค่าใช้จ่ายในการผลิตต่ำกว่า แต่ไม่ทนทานเท่าหนังสือปกแข็ง หนังสือปกแข็ง (ซึ่งในอุตสาหกรรมเรียกว่า "Trade Cloth" หรือ "Hardback") ถือว่ามีคุณภาพสูงสุดและสามารถเพิ่มระดับความเป็นมืออาชีพให้กับผลงานของคุณได้ นอกจากนี้คุณอาจต้องเลือกระหว่างการเคลือบมันหรือเคลือบด้าน และตัดสินใจว่าจะรวมปกหนังสือหรือไม่
4. เลือกประเภทการเย็บเล่ม
ประเภทการเย็บเล่มของคุณมีผลต่อรูปลักษณ์ ความทนทาน และต้นทุนหนังสือ การเย็บเล่มแบบแบบเย็บลวดเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับหนังสือสั้นและแผ่นพับ ส่วนการเย็บแบบ Wire-O เป็นอีกหนึ่งสไตล์ที่มีต้นทุนต่ำ และมักพบในหนังสือประเภทสมุดบันทึก อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนส่วนใหญ่เลือกประเภทการเย็บที่มีคุณภาพสูงกว่า เช่น การเย็บแบบสมบูรณ์สำหรับหนังสือปกอ่อน หรือการเย็บแบบเคสสำหรับหนังสือปกแข็ง ทั้งสองประเภทนี้จะมีสันหนังสือที่เรียบ ซึ่งสามารถพิมพ์ชื่อเรื่องและชื่อผู้เขียนลงไปได้
5. สเปกกระดาษและหมึกพิมพ์
เมื่อคุณเลือกหมึกแล้ว โปรดทราบว่าบริษัทรับพิมพ์ส่วนใหญ่จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับการพิมพ์สีภายใน นอกจากนี้ สเปกกระดาษเองก็จะมีน้ำหนักและการตกแต่งที่แตกต่างกัน หากคุณไม่แน่ใจว่าจะกระดาษแบบไหน ให้ใช้มาตรฐานของการผลิตหนังสือทั่วไปเป็นแนวทาง ตัวอย่างเช่น หน้าขาวดำมาตรฐาน เป็นมิตรกับผู้อ่านและคุ้มค่าสำหรับนวนิยายและประเภทหนังสืออื่นๆ ส่วนใหญ่ หรือหากคุณจะพิมพ์หนังสือภาพหรือหนังสือการ์ตูน คุณอาจต้องการเลือกกระดาษที่มีน้ำหนักมากขึ้น และใช้การพิมพ์สี เพื่อให้งานพิมพ์ภาพดูโดดเด่น
6. เลือกการจัดรูปแบบตัวอักษร
หากคุณไม่สามารถจำฟอนต์ของหนังสือเล่มล่าสุดที่คุณอ่านได้ อาจเป็นเพราะนักออกแบบกราฟิกเลือกฟอนต์ได้ดี หากการจัดรูปแบบตัวอักษรทำได้ดี มักจะไม่มีใครสังเกตเห็น แต่ถ้าทำไม่ดีจะกลายเป็นสิ่งที่ทำให้เสียสมาธิ ลองดูตัวเลือกต่างๆ เพื่อให้แน่ใจว่าฟอนต์และการจัดหน้าไม่รบกวนการอ่าน และตรงกับโทนเสียงและสไตล์ของหนังสือ ลองหาไอเดียจากพวกหนังสือที่คล้ายกัน เช่น ไกด์ฟอนต์จาก IngramSpark
7. ออกแบบปกหนังสือ
สำนวน “อย่าตัดสินหนังสือจากปก” อาจไม่ใช่เรื่องจริงเสมอไป เพราะคุณสามารถตัดสินหนังสือตามปกได้ และผู้อ่านที่มีเป็นกลุ่มเป้าหมายของคุณก็จะตัดสินหนังสือจากปกเช่นกัน เพราะปกหนังสือบอกสไตล์เนื้อหาและคุณภาพของการตีพิมพ์ได้มากกว่าที่หลายคนคิด ดังนั้นหากคุณมีงบประมาณ ให้ลองจ้างนักออกแบบกราฟิกมืออาชีพ เพื่อดีไซน์ปกหนังสือ เพราะการออกแบบที่ดีจะดึงดูดสายตาและสื่อถึงวัตถุประสงค์ รวมถึงโทนเสียงของหนังสือได้ดี
8. เตรียมไฟล์ของคุณ
ก่อนพิมพ์หนังสือ อย่าลืมเช็คให้แน่ใจว่าไฟล์ของคุณมีความละเอียดสูงและจัดรูปแบบอย่างถูกต้อง อ่านและปฏิบัติตามแนวทางการอัปโหลดของบริษัทรับพิมพ์หนังสือที่คุณเลือกอย่างรอบคอบ ซึ่งโดยปกติแล้ว คุณจะต้องส่งไฟล์2 ไฟล์ ได้แก่ ปกหนังสือและต้นฉบับ เว้นแต่จะระบุไว้เป็นอย่างอื่น ให้ส่งไฟล์ของคุณในรูปแบบ PDF โดยตั้งค่าภาพของคุณให้มีความละเอียดขั้นต่ำที่ 300 dpi (จุดต่อนิ้ว)
9. เช็คตัวอย่างหนังสือ
ก่อนที่จะสั่งพิมพ์หนังสือจำนวนมากและจัดจำหน่าย ให้ขอตัวอย่างการพิมพ์หรือการพิมพ์ทดลอง เพื่อตรวจสอบและทำการแก้ไขก่อนการพิมพ์ขั้นสุดท้าย เมื่อทุกอย่างดูดี คุณสามารถวางแผงหนังสือของคุณในตลาดได้ด้วยความช่วยเหลือจากบริษัทพิมพ์ที่หนังสือให้คุณ
3 เว็บไซต์บริการพิมพ์หนังสือตามสั่ง
ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกผู้พิมพ์หนังสือและตลาด การสำรวจตัวเลือกต่างๆ คือวิธีที่ดีที่สุด และนี่คือบริษัทพิมพ์หนังสือยอดนิยม 3 แห่งที่สามารถช่วยคุณเผยแพร่หนังสือคุณภาพสูงด้วยตนเอง
Amazon’s Kindle Direct Publishing
เปิดตัวพร้อมกับ Kindle ในปี 2007 โดย Amazon Kindle Direct Publishing (KDP) เป็นแพลตฟอร์มการเผยแพร่ด้วยตนเอง ซึ่งเน้นไปที่ eBook อย่างไรก็ตาม ยังมีตัวเลือกสำหรับการพิมพ์หนังสือปกอ่อนและปกแข็ง KDP ใช้งานง่ายสำหรับผู้เริ่มต้นและมีโปรแกรมสร้างปกหนังสือซึ่งสามารถช่วยได้ หากคุณไม่มีความเชี่ยวชาญหรืองบประมาณในการจ้างมืออาชีพเพื่อออกแบบปกหนังสือ
การเผยแพร่ด้วยตนเองผ่าน KDP ให้คุณเข้าถึงตลาดของ Amazon และ Kindle ได้ทันที โดย KDP ยังมีบริการพิมพ์ตามสั่ง ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องสั่งพิมพ์จำนวนมากหรือกังวลเกี่ยวกับการเก็บสต็อก การเผยแพร่ฟรี และค่าธรรมเนียมการพิมพ์จะถูกหักออกจากค่าลิขสิทธิ์ของคุณเมื่อคุณขายได้
มีข้อเสียในการพิมพ์หนังสือขายเองผ่าน KDP คือ Amazon ต้องการให้คุณปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านเอกสิทธิ์ กล่าวคือ Amazon เป็นเจ้าของ ISBN ของคุณ (หมายเลขระบุเชิงพาณิชย์ของหนังสือ) ซึ่งหมายความว่าคุณถูกจำกัดให้ขายหนังสือของคุณผ่าน Kindle และ Amazon เท่านั้น ข้อเสียอีกประการหนึ่งของ KDP คือมีตัวเลือกการปรับแต่งที่ค่อนข้างจำกัดเมื่อเปรียบเทียบกับบริษัทพิมพ์หนังสืออื่นๆ
IngramSpark
IngramSpark เป็นอีกหนึ่งผู้พิมพ์และผู้จัดจำหน่ายหนังสือที่ได้รับความนิยม โดยบริษัทรับประกันว่าหนังสือต้นฉบับจะได้รับการผลิตด้วยคุณภาพที่ดีที่สุด คุณสามารถปรับแต่งรูปแบบการเย็บ สี ประเภทการเคลือบ ขนาด และดีไซน์ปกได้ ทำให้คุณควบคุม Final Look ได้อย่างเต็มที่
เนื่องจาก IngramSpark ใช้โมเดลการพิมพ์ตามสั่ง บริษัทจะรับพิมพ์เฉพาะจำนวนที่คุณขายเท่านั้น ใช้เครื่องคำนวณราคา เพื่อประมาณการค่าใช้จ่ายในการพิมพ์และจัดส่งออเดอร์โดยตรงถึงคุณและลูกค้า จากนั้นคุณสามารถจัดจำหน่ายหนังสือคุณภาพสูงผ่านแพลตฟอร์ม IngramSpark ซึ่งมีข้อกำหนดด้านเอกสิทธิ์แตกต่างกับ KDP โดย IngramSpark เปิดโอกาสให้คุณลงขายได้ทั้งในห้องสมุด โรงเรียน และร้านค้าทั่วไป รวมถึง Amazon และ Barnes & Noble
Lulu
อีกหนึ่งบริษัทรับพิมพ์หนังสือขายด้วยตนเองที่ได้รับความนิยม มีตัวเลือกการพิมพ์ที่หลากหลาย โดยที่ Lulu คุณสามารถใช้เทมเพลต หรือสร้างหนังสือด้วยขนาดที่กำหนดเอง ตัวเลือกการเย็บเล่ม ตัวเลือกปกภายใน ประเภทกระดาษ และการตกแต่งปก ซึ่ง Lulu มีการพิมพ์ตามสั่ง หรือคุณสามารถประหยัดเงิน ด้วยส่วนลดการสั่งซื้อจำนวนมาก ใช้เครื่องคำนวณราคาเพื่อคำนวณค่าใช้จ่ายต่อเล่ม
เมื่อคุณมีผลิตภัณฑ์ที่เสร็จสมบูรณ์ Lulu ยังสามารถช่วยคุณจัดจำหน่ายผ่านช่องทางต่างๆ รวมถึง Lulu Bookstore บนเว็บไซต์ของคุณ หรือผู้ค้าปลีกออนไลน์ เช่น Amazon และ Barnes & Noble
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการพิมพ์หนังสือขายเอง
สามารถพิมพ์หนังสือของตัวเองได้หรือไม่?
ได้ ด้วยทรัพยากรที่เหมาะสมและบริษัทรับพิมพ์หนังสือ การเผยแพร่ด้วยตนเองสามารถทำได้ง่ายและไม่แพง
พิมพ์หนังสือขายเอง มีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่?
การพิมพ์หนังสือขายเองอาจมีค่าใช้จ่ายตั้งแต่ 70 บาทต่อเล่ม หรือสูงถึง 1,500 บาทต่อเล่ม ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ขนาด ความยาว และคุณภาพการพิมพ์ สำหรับนวนิยายปกอ่อนขนาด 300 หน้า คุณอาจใช้จ่ายประมาณ 150 หรือ 200 บาทต่อเล่ม
จะขายหนังสือที่พิมพ์เองได้ที่ไหนบ้าง?
คุณสามารถขายหนังสือที่พิมพ์ด้วยตนเองได้แทบทุกที่ บริษัทพิมพ์หนังสือหลายแห่งสามารถช่วยคุณจัดจำหน่ายให้กับห้องสมุด และในเว็บไซต์ต่างๆ อย่าง Mycloudfulfillment, โซโกะจัน หรือ สยามเอาท์เลท