ภาพสินค้าเป็นปัจจัยอาจส่งผลกับธุรกิจเครื่องประดับได้ 2 ด้าน ทั้งประสบความสำเร็จและไม่สำเร็จ การถ่ายทอดความเป็นเอกลักษณ์และรายละเอียดของเครื่องประดับช่วยให้ลูกค้ารู้สึกมั่นใจในการตัดสินใจซื้อ ดังนั้นการถ่ายภาพจิวเวลรี่จึงควรสะท้อนถึงสินค้าอย่างถูกต้องและสวยงาม
การถ่ายภาพเครื่องประดับอาจเป็นเรื่องท้าทาย เพราะคุณต้องหลีกเลี่ยงการสะท้อน รอยเปื้อน รวมทั้งปรับแสง และตั้งค่าความเร็วชัตเตอร์และรูรับแสงกล้องเพื่อให้ได้ภาพที่สวยงาม
ในคู่มือนี้ คุณจะได้เรียนรู้วิธีการถ่ายภาพผลิตภัณฑ์เครื่องประดับที่ดีจนดูเหมือนว่าคุณจ้างมืออาชีพ แต่ในราคาที่ต่ำกว่ามาก เราจะพาคุณไปดูเทคนิคการถ่ายภาพเครื่องประดับแบบ DIY ที่สำคัญ รวมถึงการจัดแสง การวางตำแหน่ง และการแต่งภาพ
อุปกรณ์ในการถ่ายภาพเครื่องประดับ
อุปกรณ์ถ่ายภาพจะขึ้นอยู่กับงบประมาณ คุณสามารถลดค่าใช้จ่ายได้หากซื้อตามรายการด้านล่างนี้ หรือสามารถเลือกซื้ออุปกรณ์ที่มีราคาแพงกว่า เช่น ไฟหรือดิสเพลย์สำหรับเครื่องประดับ
นี่คืออุปกรณ์พื้นฐานที่ควรมีสำหรับการถ่ายภาพเครื่องประดับ
กล้อง
คุณไม่จำเป็นต้องมีกล้องราคาแพงในการถ่ายภาพเครื่องประดับ เจ้าของร้านมือใหม่สามารถใช้ iPhone หรือ Android ได้เช่นกัน หากมีสมาร์ทโฟนอยู่ในมือให้ใช้ได้เลย หรือหากมี DSLR ที่มีกล้องเลนส์ดีๆ ก็สามารถใช้ได้เช่นกัน
ขาตั้งกล้อง
หากคุณถ่ายภาพแบบถือมือ การตั้งค่าแสงจะไม่มีความหมายอะไร เพราะการถือกล้องหรือสมาร์ทโฟนด้วยมือมักจะทำให้เกิดการสั่นของกล้อง
ดังนั้นควรใช้ขาตั้งกล้องเสมอ ขาตั้งกล้องมีราคาถูกและมีประสิทธิภาพ ช่วยเพิ่มคุณภาพและความสม่ำเสมอ เมื่อกล้องตั้งอยู่บนขาตั้ง คุณสามารถใช้รูรับแสงและค่า ISO ที่เหมาะสมได้ ทำเครื่องหมายไว้บนพื้นสำหรับตั้งขาตั้ง เพื่อให้คุณสามารถกลับมาเซ็ทอัปได้ง่าย
แสง
แสงเป็นสิ่งจำเป็นในการถ่ายภาพจิวเวลรี่ ห้องที่มีหน้าต่างข้างผนังเป็นตัวเลือกที่ดี ยิ่งหน้าต่างใหญ่เท่าไหร่ ก็จะได้รับแสงมากขึ้นเท่านั้น หากไม่มีแสงธรรมชาติ สามารถใช้แสงเทียม เช่น ซอฟต์บ็อกซ์ ได้เช่นกัน
คุณสามารถค้นหาอุปกรณ์ถ่ายภาพออนไลน์ได้ โดยควรรักษาการตั้งค่าให้เรียบง่ายในตอนแรก หลังจากที่คุณคุ้นเคยกับกล้องแล้ว ลองใช้เทคนิคการจัดแสงที่แตกต่างกัน เช่น ตัวสะท้อนแสงและไฟ LED
โต๊ะ
โต๊ะพับมาตรฐานใช้งานได้ดีที่สุด และควรเลือกโต๊ะที่มีความกว้างระหว่าง 24 ถึง 27 นิ้ว
พื้นหลังสีขาว
มีหลายวิธีในการทำพื้นหลังสีขาวสำหรับภาพถ่าย หากคุณวางแผนที่จะถ่ายภาพหลายๆ แบบ ควรเลือกใช้กระดาษสีขาว
กระดาษสีขาวเป็นม้วนใหญ่ที่ใช้สร้างพื้นหลังสีขาวหรือสีอื่นๆ โดยหากม้วนกระดาษสกปรก ให้ตัดส่วนที่สกปรกออก หรือทางเลือกอื่นคือใช้กระดานโปสเตอร์ สำหรับพื้นหลังทั้ง 2 ประเภท คุณจะต้องมีเทปกาว คลิป หรือที่หนีบเพื่อยึดพื้นหลังให้มั่นคง
แผ่นโฟม
เมื่อถ่ายภาพสินค้า แน่นอนว่ามันมีักจะมีเงาอยู่ตรงข้ามกับด้านที่แสงส่องถึง ซึ่งก็มักจะมืดเกินไปที่จะถ่ายภาพที่มีคุณภาพ ในกรณีนี้ วิธีที่ดีที่สุดคือวางแผ่นโฟมสีขาวเพื่อสะท้อนแสงกลับไปยังด้านที่มืด เพื่อเพิ่มความสว่างให้กับจุดนั้นโดยเฉพาะ
วิธีถ่ายภาพเครื่องประดับ
1. ตั้งโต๊ะ
หาสถานที่ที่คุณต้องการใช้เป็นสตูดิโอถ่ายภาพ หากอยู่ใกล้หน้าต่าง ให้ตั้งโต๊ะ 90 องศาไปทางขวาหรือซ้ายของหน้าต่าง ยิ่งใกล้หน้าต่างมากเท่าไหร่ แสงก็จะยิ่งนุ่มนวลมากขึ้น
เมื่อวางโต๊ะแล้ว ต่อมาก็ต้องเซ็ทอัปกระดาษขาว ซึ่งจริงๆ แล้วก็ทำได้หลายวิธี แต่หลักๆ คือให้กระดาษสีขาวตั้งตรง หากอยู่ใกล้ผนังก็สามารถติดกระดาษสีขาวเข้ากับผนังได้ หรือไม่ก็ต้องทำขาตั้งด้านหลังเพื่อยึดแผ่นกระดาษไว้
วางขาตั้งกล้องให้อยู่ด้านหน้าของโต๊ะเซ็ทอัป หากคุณใช้สมาร์ทโฟนที่มีขาตั้งขนาดเล็ก ก็สามารถวางมันไว้บนกระดาษสีขาวได้โดยตรงเลย และหากใช้โต๊ะที่มีขนาดถูกต้อง หลังจากการเซ็ททั้งหมดแล้วก็ควรมีพื้นที่เหลือเพียงพอสำหรับวางจิวเวลรี่ด้วย
2. จัดแสง
หากคุณถ่ายภาพด้วยแสงธรรมชาติก็ใช้แสงจากหน้าต่างได้เลย
แต่ถ้าใช้แสงเทียม การเซ็ทอัปก็จะแตกต่างออกไปเล็กน้อย
ให้คุณจัดแหล่งแสงหนึ่งและซอฟต์บ็อกซ์หรือร่มที่มุม 45 องศาของสินค้า เพื่อให้แสงนวลและสม่ำเสมอ จากนั้นจัดกล้องให้อยู่ตรงหน้าชิ้นเครื่องประดับ หากสินค้าอยู่ใกล้ด้านหลังของกระดาษสีขาว อาจทำให้เห็นเงาได้ ให้ย้ายสินค้าเข้ามาใกล้คุณเพื่อให้ได้พื้นหลังสีขาว
3. จัดเครื่องประดับ
หากคุณเป็นมือใหม่ในการถ่ายภาพเครื่องประดับ การเริ่มต้นด้วยพื้นหลังสีขาวจะช่วยทำให้ภาพมีพื้นฐานที่ดี และเมื่อคุณมีประสบการณ์มากขึ้นก็สามารถเพิ่มตัวแปรในการจัดเตรียมได้
เพื่อทำให้ภาพน่าสนใจยิ่งขึ้น ให้วางเครื่องประดับบนอุปกรณ์เสริมหรือรอบๆ เช่น
- พื้นหลังหินอ่อน
- พื้นหลังลายเรียบ
- ที่วางแหวนหรือสแตนด์
- ภาพกลุ่มที่มีเครื่องประดับชิ้นอื่นๆ
คุณยังสามารถใช้โมเดลเพื่อแสดงให้เห็นว่าเครื่องประดับดูเป็นอย่างไรเมื่อมีคนสวมใส่ ซึ่งแบรนด์ Aether ใช้พื้นหลังสีขาวเรียบๆ และโมเดลเพื่อโปรโมทเครื่องประดับเพชร
การจัดแต่งขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการนำเสนอสินค้าอย่างไร ไม่มีวิธีเดียวในการทำเช่นนี้ เริ่มต้นด้วยความเรียบง่าย จากนั้นเพิ่มและทดสอบสิ่งต่างๆ ตามเวลา
4. เตรียมเครื่องประดับ
จริงๆ อาจไม่ต้องบอกข้อนี้ก็ได้ แต่เครื่องประดับควรสะอาดและเงางาม เนื่องจากกล้อง DSLR และการตั้งค่าแสงที่ถูกต้องจะจับรายละเอียดในระดับสูง ภาพมักจะถูกขยายหลายเท่าของขนาดจริงของจิวเวลรี่ รายละเอียดที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าก็จะสามารถมองเห็นได้จากภาพถ่าย
เมื่อเครื่องประดับเงางามแล้ว ให้วางเครื่องประดับไว้ตรงกลางของส่วนแบนของกระดาษสีขาว โดยเว้นพื้นที่บางส่วนเพื่อให้คุณสามารถแทรกการ์ดสะท้อนแสงสีขาวเข้าไปในภายหลัง
เช็ดเครื่องประดับทุกครั้งหลังสัมผัส นอกจากนี้การสวมถุงมือผ้าฝ้ายอาจช่วยประหยัดเวลาไได้
5. ตั้งค่ากล้อง
อย่าถ่ายภาพจิวเวลรี่ที่มีรูรับแสงต่ำที่โฟกัสไปที่เพียงส่วนเดียวของสินค้า การถ่ายภาพด้วยรูรับแสงสูงและโฟกัสเต็มรูปแบบจะสร้างภาพที่คมชัดซึ่งจะสร้างความน่าเชื่อถือให้ลูกค้า
ลูกค้าต้องการเห็นทุกรายละเอียด ดังนั้นควรตั้งค่ารูรับแสงที่ f/11 หรือสูงกว่า และตั้งค่า ISO ให้อยู่ในระดับต่ำที่สุด โดยเฉพาะ ISO 100
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าการตั้งค่าสมดุลสีขาวถูกต้อง เพื่อให้คุณจับภาพเครื่องประดับด้วยสีที่ต้องการ ตั้งค่าแบบแมนนวลหรือใช้โหมดอัตโนมัติ และตรวจสอบผลลัพธ์อีกครั้ง
6. ถ่ายภาพ
จัดตำแหน่งกล้องบนขาตั้งให้เลนส์ชี้ลงไปที่สินค้าเล็กน้อย วางไฟ (พร้อมร่มกระจายแสง) อยู่เหนือแต่ละด้านของสินค้า เอียงไฟลงไปที่ผลิตภัณฑ์และเซ็ทอัปให้ค่าเท่ากัน โดยการตั้งค่านี้ควรเติมกรอบด้วยแสงที่สม่ำเสมอ และไม่สร้างจุดสว่างที่ไม่สวยงามบนจิวเวลรี่
7. ปรับแต่งและสรุป
หลังจากถ่ายภาพแล้ว คุณจะต้องเตรียมภาพสำหรับใช้โพสต์ลงเว็บไซต์ร้าน การประมวลผลหลังการถ่ายภาพคือการทำให้ภาพดูเป็นมืออาชีพและสวยงาม
ทางที่ง่ายที่สุดคือการนักแต่งภาพอาชีพ เพราะจะช่วยประหยัดเวลาและเงิน ในกรณีที่คุณไม่มีความรู้เรื่องการปรับภาพ
หากคุณต้องการทำด้วยตัวเอง ให้เลือกโปรแกรมแก้ไขภาพออนไลน์ ฟรี และเรียนรู้พื้นฐานการแก้ไขภาพ เทคนิคการแก้ไขภาพพื้นฐานเหล่านี้เพียงพอที่จะช่วยให้คุณแต่งภาพถ่าย และดีพอที่จะใช้ได้ในทุกช่องทางการตลาดและการขาย
การถ่ายภาพจิวเวลรี่ด้วยโทรศัพท์
คุณไม่จำเป็นต้องมีกล้อง DSLR เพื่อถ่ายภาพเครื่องประดับ เพราะคุณสามารถถ่ายภาพผลิตภัณฑ์ด้วยสมาร์ทโฟนได้ ตราบใดที่มันเป็นรุ่นใหม่ที่มีกล้องดี
และต่อไปนี้คือสิ่งที่ควรคำนึงถึง เมื่อถ่ายภาพเครื่องประดับด้วยสมาร์ทโฟน
ใช้ขาตั้งขนาดเล็ก
เช่นเดียวกับกล้อง DSLR คุณจะต้องมีขาตั้งกล้องที่เข้ากันได้กับสมาร์ทโฟน เพื่อให้กล้องมั่นคงและภาพถ่ายที่ได้มีความสม่ำเสมอ
เช็คโหมดพอร์ตเทรต
โหมดพอร์ตเทรตช่วยให้คุณโฟกัสไปที่รายละเอียดของจิวเวลรี่และเบลอส่วนอื่นๆ ของภาพโดยอัตโนมัติ
ถ่ายด้วยกล้องหลัง
สมาร์ทโฟนส่วนใหญ่มีกล้องหน้า หรือกล้องเซลฟี่ที่มีความละเอียดต่ำกว่ากล้องด้านหลัง
ตั้งค่าไวท์บาลานซ์และรูรับแสงให้ถูกต้อง
ในสมาร์ทโฟนบางรุ่น คุณอาจสามารถตั้งค่าไวท์บาลานซ์และการเปิดรับแสงก่อนได้ก่อนจับภาพ ในขณะที่บางรุ่นอาจมีฟังก์ชั่นนี้ให้ปรับหลังการถ่ายภาพแล้ว
ล็อกการตั้งค่ากล้อง
เมื่อคุณตั้งค่าตรงตามที่ต้องการแล้ว ให้ล็อกการตั้งค่าไว้ เพื่อไม่ให้กล้องปรับการตั้งค่าเป็นอย่างอื่นตอนที่กลับมาถ่ายใหม่อีกครั้ง ช่วยให้คุณสามารถจับภาพภาพถ่ายผลิตภัณฑ์เครื่องประดับที่สม่ำเสมอได้
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ 11 เครื่องมือถ่ายภาพสินค้าสำหรับอีคอมเมิร์ซ
3 เคล็ดลับการถ่ายภาพเครื่องประดับ
ไม่ว่าคุณจะเป็นเจ้ากิจการธุรกิจเครื่องประดับมือใหม่หรือกำลังทำร้านที่ 5 แล้วก็ตาม เคล็ดลับการถ่ายภาพต่อไปนี้คือเทคนิคที่ใช้ได้อยู่เสมอ ไปดูกัน
1. ถ่ายภาพให้สม่ำเสมอ
ความสม่ำเสมอเป็นกุญแจสำคัญเมื่อพูดถึงภาพสินค้าบนเว็บไซต์ ดังนั้นควรมีการจัดเตรียมและถ่ายภาพในลักษณะเดียวกันเพื่อสร้างประสบการณ์ที่สอดคล้องให้กับนักช้อปออนไลน์
อ่านพวกคู่มือสไตล์การถ่ายภาพจิวเวลรี่และลองนำมาปรับใช้ ความสม่ำเสมอเป็นกุญแจสำคัญในการถ่ายภาพอีคอมเมิร์ซ และความแตกต่างระหว่างผลิตภัณฑ์ หรือจากภาพหนึ่งไปยังอีกภาพ จะทำให้ลูกค้าเสียสมาธิ นอกจากนี้อย่าลืมเซฟและมาร์กทุกอย่างไว้ ตั้งแต่การตั้งค่ากล้อง แสง พื้นหลัง และตำแหน่งอุปกรณ์ เช็คให้แน่ใจว่าคุณสามารถกลับมาถ่ายภาพในวันถัดไปได้โดยภาพยังคงมีความสม่ำเสมอ
2. ถ่ายภาพจากมุมต่างๆ
ภาพเพิ่มเติมในหน้าสินค้ามักทำให้ลูกค้าพึงพอใจ เพราะภาพที่หลากหลายช่วยตอบคำถามของนักช้อป หรือช่วยชี้ให้เห็นรายละเอียดที่ทำให้สินค้าโดดเด่น
ดังนั้นเมื่อคุณได้เตรียมผลิตภัณฑ์ แสง และกล้องแล้วก็อย่าหยุดที่แค่ 1 หรือ 2 ภาพ สร้างความเชื่อมั่นโดยการโชว์ทุกมุมของเครื่องประดับ เพราะจำนวนภาพที่มากขึ้นนำไปสู่ยอดขายที่มากขึ้น ดังนั้นพยายามจับภาพมุมต่างๆ ของผลิตภัณฑ์ให้มากที่สุด
3. ปรับแต่งภาพ
ไม่มีสิ่งใดที่ทำให้การขายตายลงได้เร็วเท่ากับการแก้ไขภาพที่ไม่สมบูรณ์ เพราะภาพที่ปรับแต่งออกมาได้ไม่ดีจะทำให้รู้สึกปลอมและทำลายความเชื่อมั่นของลูกค้า ดังนั้นหลังถ่ายภาพผลิตภัณฑ์ คุณควรลงทุนกับเวลาในการใช้ซอฟต์แวร์แต่งรูปหรือจ้างมืออาชีพ
การแก้ไขภาพทั่วไปที่คุณอาจต้องทำ ได้แก่
- แก้ไขโทรสี และความอิ่มตัวของแสง
- ปรับความคมชัด เพื่อให้รายละเอียดเด่นชัด
- เพิ่มเงา เพื่อให้ภาพพื้นหลังสีขาวมีมิติ
- ปรับแต่งแสงที่ไม่ตั้งใจ แสงสะท้อน และข้อบกพร่องอื่นๆ เช่น รอยขีดข่วน หรือฝุ่น
- ปรับการเปิดรับแสงและไวท์บาลานซ์ เพื่อสร้างความสมจริง
นอกจากการปรับแต่งแล้ว คุณควรสร้างเทมเพลตที่ตัดขอบ ตั้งค่าขอบ และจัดเรียงภาพผลิตภัณฑ์อย่างให้มีความสม่ำเสมอ และอย่าลืมว่าความสม่ำเสมอเป็นกุญแจสำคัญ
หากคุณไม่มีเวลาหรือทักษะแก้ไขภาพ ให้จ้างบริษัทที่ให้บริการรับแต่งภาพจะเป็นการดีที่สุด
ข้อผิดพลาดทั่วไปในการถ่ายภาพ 3 ประการที่ควรเลี่ยง
มาเรียนรู้ข้อผิดพลาดเหล่านี้ไว้ล่วงหน้า เพื่อคุณหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้เมื่อลงมือถ่ายภาพ
1. การสะท้อนที่เกินพอดี
ลูกค้าควรได้เห็นเครื่องประดับโดยไม่มีสิ่งรบกวนจากแสงสะท้อน ซึ่งหากมีการสะท้อนในภาพ ก็อาจทำให้ลูกค้าสงสัยได้ว่าการสะท้อนนั้นเป็นความแวววาวจริงของจิวเวลรี่หรือข้อบกพร่องของสินค้ากันแน่
อัญมณีและโลหะทำให้เกิดความท้าทายทางเทคนิคสำหรับการถ่ายภาพสินค้าประเภทเครื่องประดับ ดังนั้นการจับภาพวัตถุที่มีการสะท้อนสูง โดยไม่มีแสงเกินออกมานั้นเป็นเรื่องยาก ทำตามคู่มือถ่ายภาพผลิตภัณฑ์สะท้อนแสง เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
2. พื้นหลังที่มีลวดลาย
ร้านค้าบางแห่งที่ไม่มีประสบการณ์มองว่าพื้นหลังสีขาว “น่าเบื่อ” หรือ “ทำให้พลาดโอกาสสร้างแบรนด์” พวกเขาพยายามทำให้ตัวเองแตกต่างด้วยพื้นหลังที่มีสีสันและเคลื่อนไหว ซึ่งนั่นถือเป็นความผิดพลาด
Amazon, eBay และตลาดอื่นๆ หลายแห่งมักขอหรือแนะนำให้ผู้ขายใช้พื้นหลังสีขาว หรือสีกลาง เพราะเหตุผลทางด้านการโฟกัส การใช้พื้นหลังสีขาวหรือสีเทาอ่อนจะช่วยให้ความสนใจมุ่งไปที่สินค้า
พื้นหลังสีขาวทั้งราคาถูก หาได้ง่าย และทำให้การตัดพื้นหลังภาพง่ายขึ้น คุณสามารถใช้กระดาษขาวที่ไม่มีรอยต่อในการสร้างกล่องแสง หรือแม้กระทั่งถ่ายภาพสินค้าสีขาวบนพื้นหลังสีขาว นอกจากนี้หากพื้นหลังที่คุณใช้มีรอยตำหนิ หรือสิ่งอื่นใดที่คุณต้องแก้ไข คุณยังสามารถใช้ซอฟต์แวร์แก้ไขภาพฟรี เพื่อปรับแต่งในระหว่างการประมวลผลหลังการถ่ายภาพได้
สีดำก็เป็นที่นิยมในการถ่ายภาพเครื่องประดับเช่นกัน แต่ควรระวังว่าคุณอาจมีปัญหาในการส่งภาพที่มีพื้นหลังสีดำไปยังตลาดออนไลน์บางแห่ง (เพราะอาจไม่ได้รับอนุญาต) ซึ่งอาจจะดีกว่าถ้าคุณมีเว็บร้านออนไลน์ของตัวเองกับ Shopify
3. ไอเทมเสริมเกะกะสายตา
อุปกรณ์เสริมมากเกินไปเป็นความผิดพลาด และทำให้ “การโฟกัสความสนใจที่สินค้า” หายไป ดังนั้นอุปกรณ์เสริมอาจรบกวนสายตา
อุปกรณ์เสริมส่วนใหญ่ทำให้สินค้าโดดเด่นน้อยลง มีบางครั้งที่การโปรดักชั่นใช้ Props ที่มีสไตล์ นางแบบ และสถานที่ที่น่าสนใจในภาพที่มีผลิตภัณฑ์จะเหมาะสม นั่นคือภาพเชิงบรรณาธิการที่มีจุดประสงค์เพื่อการสร้างแบรนด์ ส่วนใหญ่แล้วอุปกรณ์เสริมพวกนี้จะเหมาะสำหรับการถ่ายปกนิตยสาร ภาพฮีโร่บนเว็บไซต์ และแบนเนอร์ในอีเมล แต่ไม่เหมาะสำหรับการใช้บนหน้าโชว์สินค้า
อย่าลืมว่าเมื่อพูดถึงเว็บไซต์ คุณต้องการให้การถ่ายภาพเครื่องประดับมีความสอดคล้อง และมุ่งเน้นไปที่สินค้า อุปกรณ์เสริมส่วนใหญ่สร้างความไม่สอดคล้องและรบกวนสายตา
เริ่มถ่ายภาพเครื่องประดับอย่างมืออาชีพวันนี้
ร้านค้าออนไลน์ที่ดีที่สุดในด้านจิวเวลรี่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน นั่นก็คือภาพสินค้าที่สวยงาม การทำตามคู่มือนี้ จะทำให้คุณได้ภาพที่น่าสนใจที่สามารถสร้างได้ทั้งยอดขายและสร้างแบรนด์ไปในตัว และเมื่อคุณมีประสบการณ์ในการถ่ายภาพจิวเวลรี่มากขึ้นก็สามารถเพิ่มองค์ประกอบและความสร้างสรรค์ได้
ด้วยการลงทุนในภาพถ่ายคุณภาพสูงและนำเสนอเครื่องประดับอย่างถูกต้อง คุณจะได้เห็นตัวเลขยอดขายและรายได้ที่สูงขึ้นในไม่ช้า
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการถ่ายภาพเครื่องประดับ
ขั้นตอนการถ่ายภาพเครื่องประดับที่ดีที่สุด ต้องทำอะไรบ้าง?
วิธีที่ดีที่สุดในการถ่ายภาพเครื่องประดับคือการใช้กล้อง DSLR หรือมิเรอร์เลส พร้อมกับใช้ขาตั้งกล้องเพื่อหลีกเลี่ยงการสั่น จากนั้นตั้งค่ากล้องให้มีรูรับแสงที่ถูกต้อง เพื่อให้จิวเวลรี่ได้รับแสงอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ควรเช็คว่าสินค้าในโฟกัส จากนั้นจึงทำการถ่ายภาพ
จะถ่ายภาพเครื่องประดับที่บ้านได้อย่างไร?
- ตั้งโต๊ะและกระดาษสีขาว
- จัดแสง
- จัดแต่งเครื่องประดับ
- เตรียมจิวเวลรี่
- ตั้งค่ากล้อง
- ถ่ายภาพ
- แต่งภาพขั้นสุดท้าย
แสงแบบไหนเหมาะกับการถ่ายภาพเครื่องประดับที่สุด?
แสงที่ให้ความนุ่มนวลจะเหมาะที่สุดสำหรับการถ่ายภาพจิวเวลรี่ คุณสามารถถ่ายภาพข้างหน้าต่างหรือกระจายแสงเทียม เพื่อให้ได้ภาพที่มีคุณภาพสูง หลีกเลี่ยงการใช้แฟลชกล้อง เพราะจ้าเกินไปและจะไม่ช่วยให้เครื่องประดับดูดีขึ้น
การถ่ายภาพจิวเวลรี่โดยใช้แสงธรรมชาติ มีวิธียังไง?
หาสถานที่ในการถ่ายภาพจิวเวลรี่ที่อยู่ใกล้หน้าต่าง ตั้งเซ็ทอัปที่ 90 องศาไปทางขวาหรือซ้ายของหน้าต่าง นอกจากนี้แสงแดดที่ส่องลงมาตรงๆ อาจทำให้เกิดเงาที่ชัดเกินไป วิธีทำให้เงาอ่อนคือใช้แผ่นกระจายแสง หรือหากไม่มี สามารถใช้วัสดุที่หาได้ในบ้าน ช่น ผ้าม่านฝ้า กระดาษรองอบ หรือกระดาษแผ่นบางๆ