การเป็นเจ้าของธุรกิจเริ่มต้นจากการตัดสินใจที่จะก้าวออกไปสู่โลกใหม่ และหากคุณกำลังอ่านบทความนี้ของเราอยู่ แสดงว่าคุณได้ผ่านก้าวแรกที่สำคัญไปแล้ว ยินดีด้วย! ตอนนี้คุณพร้อมที่จะเรียนรู้วิธีเริ่มต้นธุรกิจจากศูนย์ แต่จะเริ่มต้นจากตรงไหน?
ไม่ว่าจะมีไอเดียผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยมอยู่แล้วหรือเพียงแค่ต้องการสร้างอนาคตในแบบที่ต้องการ คุณมาถูกที่แล้ว คู่มือนี้จะพาคุณติดตามตั้งแต่การทำการตลาดก่อนเปิดตัวไปจนถึงการขายครั้งแรก
เลือกดูตัวอย่างไอเดียธุรกิจนับร้อย สำรวจเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการจัดการการทำงานประจำวันในช่วงเปิดร้านขายของออนไลน์และเซฟคู่มือนี้ไว้เป็นข้อมูลอ้างอิงเมื่อคุณเริ่มสร้างธุรกิจ
ไปเริ่มกันเลย!
วิธีเริ่มต้นธุรกิจใน 11 ขั้นตอน
- ค้นหาไอเดียดีๆ
- วิจัยผลิตภัณฑ์และกลุ่มเป้าหมาย
- คำนวณค่าใช้จ่ายเริ่มต้น
- จัดหาผลิตภัณฑ์
- คิดกลยุทธ์การจัดส่ง
- พัฒนากลยุทธ์และเอกลักษณ์แบรนด์
- สร้างและเปิดตัวเว็บไซต์
- จดทะเบียนธุรกิจ
- จัดการเงิน
- ทำการตลาดให้ธุรกิจ
- ขยายกิจการ
1. ค้นหาไอเดียดีๆ
ทุกอย่างเริ่มต้นจากไอเดีย เพื่อให้ได้ไอเดียที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น คุณต้องรู้ว่าคุณต้องการทำธุรกิจและใช้ชีวิตแบบไหน คุณต้องการขายผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่แล้วในฐานะงานเสริมที่ไม่ยุ่งยากหรือไม่? หรือคุณต้องการลงทุนเต็มที่ในสิ่งประดิษฐ์ที่จะเปลี่ยนโลก?
กลุ่มผู้ติดตามในโซเชียลมีเดียของคุณคือที่ที่ดีที่สุดในการเปิดตัวสินค้าของแบรนด์ส่วนตัวของคุณหรืเปล่า? ลองขยายไอเดียเพื่อดูว่าคุณมีความสนใจมากแค่ไหน และยังสามารถใช้เทมแพลตแผนธุรกิจฟรีเพื่อช่วยในกระบวนการนี้ได้
หากคุณยังมีปัญหาติดขัดอยู่บางขุด ลองเริ่มต้นด้วยรายการเช็คไอเดียธุรกิจที่ลงทุนต่ำ ไอเดียธุรกิจออนไลน์ หรือโอกาสทางธุรกิจที่ได้รับความนิยม เพื่อหาแรงบันดาลใจ จากนั้นค่อยตัดสินใจว่าจะทำให้ไอเดียธุรกิจใหม่นี้มีชีวิตชีวาได้อย่างไร จะผลิตสินค้าขึ้นมาใหม่ชิ้นต่อชิ้น หรือจะผลิตครั้งเดียวแล้วขายซ้ำ
การพัฒนาผลิตภัณฑ์
คุณอาจตัดสินใจที่จะสร้างผลิตภัณฑ์เอง หรือพัฒนาร่วมกับผู้ผลิตอื่นๆ อย่างบริษัทพิมพ์ตามคำสั่งหรือ Private Label Partner
หากคุณอยากขายสิ่งที่พร้อมใช้งาน ลองติดตามรายละเอียดเกี่ยวกับการขายสินค้าที่มีอยู่แล้วในตลาด
การผลิตสินค้า
ค้นหารายการไอเดียธุรกิจที่ไม่เหมือนใครเพื่อค้นพบสิ่งที่คุณสามารถผลิตได้เอง
- วิธีเริ่มต้นธุรกิจขนาดเล็กที่บ้าน 30 ไอเดีย
- สินค้าทำเองขายเอง ธุรกิจ DIY
- 16 แหล่งไอเดียสินค้าบน Shopify
- งานฝีมือทำง่าย กำไรดี
- สินค้าดิจิทัลที่ทำกำไรได้สูงสุด
- ขายอะไรดีบน Shopify 12 ไอเดียสร้างสรรค์
🍝 เรื่องราวความสำเร็จของคุณยายวัย 84 ปี ที่สอนทำอาหารให้กับผู้คนทั่วโลก
คุณยาย Nerina เปิดคอร์สการทำอาหารออนไลน์ วิกฤตช่วงโรคระบาดที่ส่งผลให้การท่องเที่ยวในหมู่บ้านของเธอต้องจบลง มาติดตามเรื่องราวจากหลานสาวแท้ๆ ของเธอที่เล่าให้เราฟังว่าคุณยายดำเนินธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในการขายคอร์สออนไลน์ได้อย่างไร 👉 อ่านเรื่องราวของคุณยาย
ไอเดียพิมพ์ตามคำสั่ง เป็นกระบวนการทำงานร่วมกับบริษัท เพื่อเปลี่ยนดีไซน์ให้เป็นสินค้าต่างๆ เช่น เสื้อยืด เครื่องประดับ หรือแก้ว และส่งตรงถึงลูกค้าของคุณ ซึ่งถือเป็นวิธีที่รวดเร็วและใช้เงินลงทุนต่ำในการเริ่มต้นธุรกิจ โดยคุณสามารถค้นหาบริษัทพิมพ์ตามคำสั่งที่เหมาะสมกับกิจการหรือสินค้าที่ต้องการได้
ไอเดียแบรนด์ส่วนตัว (ไวท์เลเบล)
หากคุณมีไอเดียที่ชัดเจนและไม่มีประสบการณ์ในการผลิตแบรนด์ส่วนตัวหรือโมเดลแบรนด์ไวท์เลเบลช่วยให้ทำงานร่วมกับผู้ผลิตที่มีประสบการณ์ที่สามารถปรับแต่งสินค้ราทั่วไปให้ตรงกับแบรนด์และข้อกำหนดของคุณ ซึ่งปัจจุบันนี้มีไอเดียผลิตภัณฑ์แบรนด์ส่วนตัว รวมถึงไวท์เลเบลมากมายให้คุณเลือก ตั้งแต่เครื่องออกกำลังกาย ไปจนถึงเครื่องสำอาง
การขายสินค้าที่มีอยู่แล้วในตลาด
หากคุณต้องการเริ่มทำธุรกิจอย่างรวดเร็ว การขายผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่แล้วเป็นตัวเลือกที่ดี เพราะคุณสามารถตัดสินใจที่จะดรอปชิปหรือเลือกและขายสินค้าจากแบรนด์อื่นๆ ได้โดยตรง
ไอเดียผลิตภัณฑ์สำหรับดรอปชิป
ดรอปชิปเป็นโมเดลธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการขายผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ในร้านขายของออนไลน์โดยไม่ต้องจัดการกับสต๊อกหรือการจัดส่ง ออเดอร์ของลูกค้าจะถูกจัดการและจัดส่งโดยผู้ขายหรือผู้ผลิตโดยไม่ต้องผ่านคุณ คุณสามารถ เริ่มต้นดรอปชิป โดยการค้นหาสินค้าดรอปชิปกำไรดีและเริ่มกิจการได้ทันที
💡 รู้หรือไม่? คุณยังสามารถดรอปชิปผลิตภัณฑ์ไวท์เลเบล ซึ่งทำให้คุณได้รับประโยชน์จากทั้งผลิตภัณฑ์ที่มีแบรนด์และโมเดลธุรกิจที่ไม่ยุ่งยาก
ไอเดียการ Curation และรีเซลล์
อีกวิธีในการเริ่มต้นธุรกิจโดยไม่ต้องมีผลิตภัณฑ์ของตัวเอง คือการ Curation หรือรีเซลล์ โดยแบรนด์ไลฟ์สไตล์และแฟชั่นบางแบรนด์จะคัดเลือกคอลเล็กชันจากผู้จำหน่ายหรือดีไซเนอร์หลายราย ซึ่งเป็นการซื้อสินค้าล่วงหน้า และในกรณีนี้ คุณจะต้องรับผิดชอบในการจัดการสินค้าในสต๊อกรวมถึงการจัดส่ง เพื่อค้นหาแบรนด์ที่คุณสามารถทำงานด้วย ให้เรียกดูตลาดขายส่ง โมเดลธุรกิจการรีเซลล์เป็นที่นิยมสำหรับของเก่า ของสะสม หรือเสื้อผ้าวินเทจ
การเริ่มต้นธุรกิจเสริม
ถ้าคุณแค่ต้องการลองทำธุรกิจ การเริ่มต้นธุรกิจเสริม ซึ่งหมายถึงการทำธุรกิจของคุณควบคู่ไปกับงานประจำ ดูจะเป็นวิธีที่มีความเสี่ยงต่ำในการทดสอบโฟลว์และสร้างรายได้เสริม อย่าเพิ่งลาออกจากงานประจำ เพราะคุณสามารถสร้าง Passive Income หรือทำธุรกิจสร้างรายได้จากที่บ้านได้
สร้างรายได้จาก Followers ในโซเชียลมีเดีย
การสร้างผู้ติดตามสามารถเป็นหนึ่งในความท้าทายที่ยากที่สุดในการเริ่มต้นธุรกิจ หากคุณมีฐานแฟนคลับในช่องทางโซเชียลมีเดีย นั่นหมายถึงคุณได้ทำส่วนที่ยากที่สุดเสร็จไปเรียบร้อย! โดยทุกวันนี้เครื่องมือออนไลน์ทำให้การสร้างรายได้จากผู้ติดตามนั้นง่ายกว่าที่เคย ลงลึกไปยังแพลตฟอร์มที่คุณเลือกเพื่อหาไอเดียธุรกิจที่เป็นมิตรกับคอนเทนต์ครีเอเตอร์
- Instagram: วิธีที่ดีที่สุดในการสร้างรายได้บน Instagram
- TikTok: ไอเดียง่ายๆ สร้างรายได้จาก TikTok
- YouTube: ทำเงินด้วยการเป็น YouTuber เต็มเวลา หรือสทำสินค้าขายบน YouTube
- Twitch: คู่มือวิธีสร้างรายได้จาก Twitch
🌵 เรื่องราวความสำเร็จของแม่บ้านต้นไม้บน TikTok เปลี่ยนความนิยมออนไลน์ให้กลายเป็นแบรนด์
รับแรงบันดาลใจจาก Sonja Detrinidad ผู้เชี่ยวชาญด้านจำนองที่ดิน อินฟลูเอนเซอร์ที่สร้างรายได้จาก Followers ด้วยการเริ่มต้น Partly Sunny Projects ซื้อต้นไม้ขายส่งจากแคลิฟอร์เนียและจัดส่งไปทั่วอเมริกา 👉 อ่านเรื่องราวของ Sonja
💡 เคล็ดลับดีๆ: แพคเกจเริ่มต้นของ Shopify เหมาะสำหรับคอนเทนต์ครีเอเตอร์ที่ต้องการเริ่มขายอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องสร้างเว็บไซต์ หรือคุณสามารถใช้เครื่องมืออย่าง Linkpop เพื่อเพิ่มพลังให้กับโปรไฟล์โซเชียล ดึงดูดแฟนๆ ไปยังร้านค้าของคุณ
ลิงก์โซเชียลที่มีประสิทธิภาพ
Linkpop เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คุณสร้างหน้าแลนดิ้งดีไซน์แบบเอง พร้อมรองรับลิงก์สำหรับการสร้างแบรนด์ ใช้ฟรี ปรับแต่งได้ และที่สำคัญซื้อขายได้ด้วย
การเริ่มต้นกับธุรกิจเฉพาะ
หากคุณมุ่งเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์ที่สนใจแล้ว สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจความแตกต่างในธุรกิจที่เลือก ซึ่งหากธุรกิจของคุณเป็นหนึ่งในรายการด้านล่าง คุณสามารถคลิกเพื่อไปยังคู่มือของธุรกิจนั้นๆ และดูคำแนะนำที่เหมาะสมในการเริ่มต้นธุรกิจในตลาดที่คุณเลือก
👗 เสื้อผ้า: วิธีเริ่มธุรกิจเสื้อผ้า
👕 เสื้อยืด: วิธีเริ่มธุรกิจเสื้อยืดออนไลน์อย่างประสบความสำเร็จ
💍 เครื่องประดับ: เริ่มธุรกิจเครื่องประดับด้วยคู่มือแบบ Step by Step
🕯️ เทียน: วิธีเริ่มธุรกิจทำเทียนขาย พร้อมตัวอย่าง
🥝 อาหารและเครื่องดื่ม: วิธีขายอาหารออนไลน์ ขั้นตอนทำธุรกิจ
🙂 สติ๊กเกอร์: วิธีทำและขายสติ๊กเกอร์ออนไลน์
🛋️ บ้าน: คู่มือขายเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้านออนไลน์
🌱 พืช: Fronds with Benefits วิธีขายต้นไม้ออนไลน์สำหรับมือใหม่
🎨 ศิลปะ: คู่มือฉบับเต็ม วิธีขายงานศิลปะออนไลน์
📚 หนังสือ: ขายหนังสือออนไลน์ พร้อมคำแนะนำจากมืออาชีพ
🐶 สัตว์เลี้ยง: วิธีเริ่มต้นธุรกิจสัตว์เลี้ยง
🧴 การดูแลผิว: ธุรกิจดูแลผิวเริ่มต้นยัไง? ตัวอย่างจากเจ้าของธุรกิจด้านความงามมืออาชีพ
🦘 เช็คให้ชัวร์ว่าคุณเข้าใจข้อกำหนดทางกฎหมายหรือข้อกำหนดเฉพาะในธุรกิจนั้นๆ ก่อนจะเริ่มลงมือดำเนินการธุรกิจอย่างจริงจังในสเต็ปต่อไป
💄 เรื่องราวความสำเร็จ เธอลาออกจาก “งานในฝัน” ที่ Wall Street เพื่อทำลิปสติกขาย
Melissa Butler เริ่ม The Lip Bar โดยการผสมสูตรสีเอง และข้อกำหนดเฉพาะของธุรกิจเครื่องสำอางทำให้เธอได้ทำงานร่วมกับผู้ผลิตที่มีทักษะ 👉 อ่านเรื่องราวของ Melissa
🦘 กลับสู่ด้านบนของหน้าเว็บ
2. วิจัยผลิตภัณฑ์และกลุ่มเป้าหมาย
หลังจากที่คุณมีไอเดียเจ๋งๆ แล้วก็ถึงเวลาที่จะตรวจสอบความถูกต้อง! ผลิตภัณฑ์หรือไอเดียธุรกิจอาจทำให้คุณตื่นเต้น แต่จะมีค่าแค่ไหนถ้าไม่มีคนดู (หรือที่เรียกว่าลูกค้าในอนาคต)
การทำวิจัยเกี่ยวกับกลุ่มเป้าหมายมีหลายวิธี ซึ่งก่อนที่คุณจะลงทุน คุณสามารถมองหาช่องว่างในตลาด ค้นหากลุ่มเป้าหมายที่ไม่ได้รับการบริการ จัดกลุ่มโฟกัส รวมถึงเช็คอัตราการแข่งขัน
การค้นหากลุ่มเป้าหมาย
กลุ่มเป้าหมายหรือตลาดเป้าหมาย หมายถึงกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพสำหรับแบรนด์ของคุณ นี่คือกลุ่มที่คุณจะมุ่งเป้าไปที่การตลาดและการลงทุนทั้งหมด ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องกำหนดและมองเห็นพวกเขาให้ชัดเจนที่สุดเท่าที่จะทำได้
การระบุและทำความรู้จักกับกลุ่มเป้าหมายของคุณเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากเหตุผลดัง ต่อไปนี้
✅ ช่วยให้ตัดสินใจด้านการตลาดได้อย่างชาญฉลาดและคุ้มค่า
✅ มีอิทธิพลต่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ (เพราะมีช่องทางตรงในการรับคำแนะนำจากลูกค้าแบบเรียลไทม์)
✅ สามารถเพิ่มรายได้ (โดยมุ่งความสนใจไปที่ลูกค้าที่มีแนวโน้มสูงสุด)
การกำหนดบุคลิกภาพของลูกค้าเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการเจาะลึกความต้องการของผู้ซื้อในอุดมคติ พวกเขาอายุเท่าไหร่? ชอบอะไร? ใช้เวลาอยู่บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียไหน? อะไรบ้างที่สำคัญสำหรับพวกเขา?
👩🏾🦱 เรื่องราวความสำเร็จของนักศึกษาศิลปะพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อเติมเต็มช่องว่างในตลาด
Yelitsa Jean-Charles รู้สึกไม่พอใจกับตัวเลือกสำหรับตุ๊กตาที่มีผมสีดำ ดังนั้นเธอจึงออกแบบของตัวเอง เธอสร้างธุรกิจที่ประสบความสำเร็จภายใต้แบรนด์ Healthy Roots Dolls เพื่อสอนคนรุ่นหนึ่งให้รักผม 👉 อ่านเรื่องราวของ Yelitsa
การทำวิจัยตลาด
การวิจัยตลาด คือกระบวนการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้า (หรือ "ตลาด") ที่มีศักยภาพสำหรับแบรนด์ของคุณ ผลวิจัยสามารถยืนยันได้ว่าคุณอยู่ในเส้นทางที่ถูกต้องหรือไม่ หรือยังต้องปรับอะไรบ้าง คุณสามารถทำการวิจัยตลาดผ่านการสำรวจ กลุ่มโฟกัส และการสัมภาษณ์
การวิเคราะห์ตลาด เป็นอีกหนึ่งแนวคิดที่คล้ายกัน แต่เกี่ยวข้องกับการวิจัยธุรกิจนั้นๆ โดยรวม โดยรวมข้อมูลที่คุณได้รับโดยตรงจากกลุ่มเป้าหมายเข้ากับแหล่งข้อมูลภายนอก เช่น รายงาน และสิ่งพิมพ์เกี่ยวกับวงการนั้นๆ
เครื่องมือการวิจัยตลาด
มีเครื่องมือหลายตัวในตลาดที่สามารถช่วยคุณทำการวิจัยตลาดในการเริ่มต้นธุรกิจ ซึ่งรวมถึงผู้รวบรวมข้อมูล เช่น Statista หรือเครื่องมือสำรวจ เช่น Typeform ไปจนถึงเครื่องมือวัดโซเชียล เช่น Hootsuite ที่ทั้งฟรีและเสียเงินอื่นๆ อีกมกามาย
การเรียบเรียงรายงานและรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมของคุณ รวมถึงการวิจัยผ่านการสำรวจลูกค้าเป้าหมายหรือกลุ่มโฟกัส จะช่วยให้คุณมีมุมมองที่ครอบคลุมมากเกี่ยวกับตลาด
การเข้าใจแนวโน้มตลาด
การเข้าใจแนวโน้มตลาด หมายถึงการมองภาพรวมในอุตสาหกรรมของคุณ คู่แข่ง ความชอบของลูกค้า และตลาดทั่วไป โดยคำถามบางประการที่ควรถามมีดังนี้
- แนวโน้มผู้บริโภคระยะยาวคืออะไร (เช่น ความยั่งยืน)
- ปริมาณการค้นหาสินค้าหรือบริการของคุณเป็นอย่างไร? (Google Trends เป็นเครื่องมือฟรีที่สามารถแสดงความสนใจตามเวลา)
- ในพื้นที่ของคุณมีแนวโน้มการซื้อใดบ้างที่อยู่ในเทรนด์? ตัวอย่างเช่น ลูกค้าเป้าหมายของคุณชอบช้อปปิ้งในช่องทางไหน?
- กลุ่มเป้าหมายใช้โซเชียลมีเดียช่องทางไหน? แนวโน้มปัจจุบันและที่กำลังเกิดขึ้นในแพลตฟอร์มนั้นคืออะไร?
- มีปัจจัยทางสังคมและการเมืองใดที่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดหรือไม่?
- ธุรกิจของคุณถูกการคาดการณ์แนวโน้มใดบ้าง เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจทิศทางของตลาดได้ดีขึ้น
การประเมินขนาดตลาด
ในการเข้าใจขนาดตลาด หรือจำนวนลูกค้าที่มีศักยภาพ ให้ทำตามขั้นตอนเหล่านี้
- กำหนดกลุ่มเป้าหมาย และกำหนดขนาดรวมทั้งหมด หรือขนาดตลาดที่สามารถเข้าถึงได้ (TAM) นี่คือจำนวนลูกสูงสุด หากคุณมีส่วนแบ่งตลาด 100%
- ระบุส่วนหนึ่งของตลาดนั้นที่คุณจะมุ่งเน้น ตัวอย่างเช่น สินค้าของคุณอาจมุ่งเป้าไปที่ผู้หญิง หรือเฉพาะลูกค้าในภูมิภาคทางภูมิศาสตร์ที่เฉพาะเจาะจง นี่คือขนาดตลาดที่สามารถให้บริการได้ (SAM)
- คำนวณอัตราการเข้าถึงตลาดในส่วนนี้ คุณสามารถใช้มาตรฐานอุตสาหกรรมเพื่อทำการประเมินได้
- คูณ SAM (ตลาดที่สามารถให้บริการได้ทั้งหมด) ด้วยอัตราการเข้าถึงตลาด เพื่อให้ได้ขนาดตลาดของคุณ
🎧 พอดแคสต์ Compound Studios สร้างแบรนด์กับกลุ่มเป้าหมายที่ไม่เหมือนใคร
Shane Vitaly กล่าวว่าเขามักไม่สนใจการแข่งขันเมื่อทำการวิจัยตลาด เพราะสำหรับแบรนด์ที่หลากหลายของเขา เทรนด์ใหม่ๆ คือกุญแจสำคัญในการกำหนดกลุ่มผู้ชมของแต่ละแบรนด์ 👉 ฟังเลย
การวิเคราะห์การแข่งขัน
การเข้าใจภูมิทัศน์การแข่งขัน ทำให้คุณมั่นใจว่าคุณกำลังสร้างแบรนด์ให้แตกต่าง การดำเนินการนี้จะช่วยกำหนดจุดขาย (USP) ซึ่งทำให้สินค้าของคุณเหนือกว่าคู่แข่ง สำรวจทรัพยากรเชิงลึกด้านล่าง
- วิธีวิเคราะห์การแข่งขัน พร้อมเทมเพลตตัวอย่าง
- วิธีวิเคราะห์ SWOT
- ความฉลาดทางการแข่งขันคืออะไร? คำนิยามและคู่มือ
👩🏻🎓ฟรี หลักสูตรการสร้างธุรกิจสำหรับตลาดเฉพาะ
ในหลักสูตร 12 บทนี้ ผู้บรรยาย Vivian Kaye จะพาคุณไปดูขั้นตอนการเปิดธุรกิจแบบยูนีค รวมถึงวิธีการกำหนดและมุ่งเป้าหมายไปที่กลุ่มผู้ชมสำหรับแบรนด์ของคุณโดยเฉพาะ
🦘 กลับสู่ด้านบนของหน้าเว็บ
3. คำนวณค่าใช้จ่ายเริ่มต้น
เมื่อคุณได้ตรวจสอบแล้วว่ามีผู้ชมที่ต้องการผลิตภัณฑ์ และคุณได้กำหนดจุดขายที่น่าสนใจแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะพูดถึงเรื่องเงิน เพราะธุรกิจของคุณจะมีความยั่งยืนได้หากคุณมีเงินทุนเพียงพอในการเริ่มต้น และสามารถกำหนดราคาที่จะทำให้คุณมีกำไร
การเขียนแผนธุรกิจ
แผนธุรกิจ เป็นเอกสารที่ช่วยให้คุณได้รับเงินทุนจากธนาคารหรือบริษัททุนร่วม (VC) แต่แม้ว่าคุณจะไม่ต้องการเงินทุนจากภายนอก แผนธุรกิจจะบังคับให้คุณตอบคำถามสำคัญเกี่ยวกับวิธีการดำเนินธุรกิจ เพราะมันจะรวมทุกอย่างตั้งแต่คำชี้แจงภารกิจ ไปจนถึงแนวคิดด้านการเงิน
💡 7 เคล็ดลับเขียนแผนธุรกิจ
- รู้จักกลุ่มเป้าหมายของคุณ
- มีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน
- ใช้เวลาทำวิจัย
- สั้นและตรงประเด็น
- รักษาโทนและสไตล์ให้สอดคล้องกัน
- ใช้ซอฟต์แวร์แผนธุรกิจ
- ดูตัวอย่างแผนธุรกิจอื่นๆ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ
การคำนวณค่าใช้จ่ายเริ่มต้น
ค่าใช้จ่ายในการเริ่มต้นธุรกิจ จริงๆ มีค่าใช้จ่ายเท่าไร? มันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น คุณมีสินค้าคงคลังหรือไม่ หรือคุณต้องเช่าสถานที่ ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ในปีแรกจะประกอบด้วยการนำกำไรกลับมาลงทุนในธุรกิจ ไม่ใช่การควักเนื้อ ซึ่งเรียกว่า “การเริ่มธุรกิจด้วยตัวเอง” และคุณสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ ด้านล่างนี้
การคำนวณค่าใช้จ่ายธุรกิจทั้งหมด
ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นในปีแรกของคุณจะช่วยให้คุณครอบคลุมทุกอย่าง ตั้งแต่การเซ็ทอัปเว็บไซต์ การซื้อสินค้าคงคลัง ไปจนถึงการทำโฆษณาแบบจ่ายเงินครั้งแรก นี่คือสิ่งที่เจ้าของธุรกิจรายงานว่าเป็นการแบ่งประเภทการใช้จ่ายในปีแรก
🚨 เคล็ดลับ อย่าลืมพิจารณาค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิด เช่น ประกันธุรกิจ ภาษี ค่าธรรมเนียมทางกฎหมาย และค่าจัดส่ง
การดำเนินการวิเคราะห์จุดคุ้มทุน
การวิเคราะห์จุดคุ้มทุน คือกระบวนการกำหนดจุดที่ธุรกิจเริ่มมีกำไร มันเป็นการคำนวณทางการเงินที่ใช้เพื่อกำหนดจำนวนสินค้าที่คุณต้องขาย เพื่อครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการผลิต
มีประโยชน์หลายข้อในการวิเคราะห์จุดคุ้มทุน ดังนี้
✅ ช่วยให้ตัดสินใจเกี่ยวกับการตั้งราคาสินค้าได้อย่างชาญฉลาด
✅ สามารถลดความเสี่ยงและหลีกเลี่ยงเซอร์ไพรซ์
✅ ตั้งเป้าหมายเฉพาะสำหรับธุรกิจของคุณ
✅ สามารถระบุค่าใช้จ่ายที่ขาดหายไปได้
การกำหนดอัตรากำไร
อัตรากำไร คือการวัดความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจที่แสดงเป็นเปอร์เซ็นต์ อัตรากำไรของคุณจะขึ้นอยู่กับธุรกิจที่คุณทำ ช่วงราคาขายปลีกที่ตั้งโดยตลาด และค่าใช้จ่าย คุณอาจมีอัตรากำไรที่ต่ำกว่า หากคุณขายสินค้าจำนวนมาก (เช่น การขายงานศิลปะดิจิทัล) หรือมีอัตรากำไรสูงหากคุณขายสินค้าลักซูว์
การตั้งราคาผลิตภัณฑ์
การรู้ว่าจะตั้งราคาผลิตภัณฑ์ของคุณอย่างไรอาจเป็นเรื่องยาก แต่ด้วยการคำนวณพื้นฐานไม่กี่อย่าง คุณสามารถตั้งราคาได้อย่างมั่นใจ ในสรุปมี 3 ขั้นตอนในการตั้งราคา
- รวมค่าใช้จ่ายที่แปรผันหรือค่าใช้จ่ายที่เปลี่ยนแปลงตามจำนวนผลิตภัณฑ์ที่คุณผลิต
- เพิ่มอัตรากำไร
- อย่าลืมค่าใช้จ่ายคงที่ (Fixed Cost) ที่ไม่เกี่ยวกับจำนวนการผลิต (เช่น ค่าเช่าออฟฟิศหรือค่าสาธารณูปโภค)
ในขณะที่คุณตั้งราคา อย่าลืมใช้กลยุทธ์การตั้งราคา เช่น การตั้งราคาที่สู้คู่แข่งได้ การตั้งราคาตามมูลค่าที่ลูกค้ารับรู้ หรือการตั้งราคาคีย์สโตน (กำไร 100% เมื่อเทียบต้นทุน) อย่าลืมว่ากลยุทธ์แต่ละอย่างมีข้อดีและข้อเสีย และไม่ใช่ทั้งหมดจะเหมาะกับธุรกิจคุณ
การเริ่มต้นธุรกิจด้วยตัวเอง
การเริ่มธุรกิจด้วยตัวเอง คือกระบวนการเริ่มต้นธุรกิจด้วยเงินทุนต่ำหรือไม่มีทุนเลย และการนำกำไรกลับมาลงทุนในธุรกิจเมื่อกิจการเริ่มเติบโต ซึ่งการทำแบบนี้ ก็อาจหมายถึงการเติบโตของธุรกิจที่ช้าลง แต่ก็ช่วยลดความเสี่ยงและหนี้สินได้
💰 เรื่องราวความสำเร็จของเจ้าของกิจการที่เปลี่ยนเงิน 900 ดอลลาร์ให้เป็นแบรนด์มูลค่าหลายสิบล้าน
แบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว Bushbalm เริ่มต้นด้วยเงินลงทุนเพียง 900 ดอลลาร์ (ประมาณ 30,000 กว่าบาท) โดยผู้ก่อตั้ง 3 คน พวกเขาใช้การระดมทุนและนำเสนอนักลงทุน เพื่อรองรับการเติบโตที่มหาศาล 👉 ดูว่าพวกเขาทำได้ยังไง
บางธุรกิจง่ายกว่าที่จะเริ่มต้นด้วยตัวเองมากกว่าธุรกิจอื่น ๆ ไอเดียที่ลงทุนต่ำ เช่น ดรอปชิปหรือพิมพ์ตามสั่ง เป็นกิจการที่ไม่ต้องมีของในสต๊อกและเหมาะวิธีนี้ เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กอื่น ๆ ใช้เงินออมส่วนตัวสำรองค่าใช้จ่ายช่วงเริ่มต้น ก่อนที่จะเริ่มธุรกิจด้วยตัวเอง ดังนั้น การมีแผนธุรกิจที่ดีจึงยังคงเป็นสิ่งสำคัญ ในกรณีที่คุณตัดสินใจที่จะขอเงินทุนเพิ่มเติมในภายหลัง
🦘 อยากรู้เนื้อหาเกี่ยวกับธุรกิจที่โตเร็วกว่านี้? ดูได้ที่บทความการระดมทุนรูปแบบใหม่ 2.0
เข้าถึงเงินทุน เพื่อขยายกิจการ
ข้ามการสมัครที่ยาวนานและเข้าถึงเงินทุนได้อย่างรวดเร็ว ขยายกิจการของคุณด้วยการเข้าถึง Shopify Capital จากแดชบอร์ดของคุณในไม่กี่คลิก
🦘 กลับสู่ด้านบนของหน้าเว็บ
4. จัดหาผลิตภัณฑ์
ตอนนี้คุณเช็คไอเดียสินค้าแล้ว แผนธุรกิจก็เสร็จเรียบร้อยและคุณพร้อมที่จะทำให้มันเป็นจริง ถึงเวลาที่จะต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ ในส่วนนี้เราจะพาคุณผ่านตัวเลือกในการผลิตหรือจัดหาผลิตภัณฑ์ในช่วงของการเตรียมตัว
การทำหรือผลิตสินค้า
หากผลิตภัณฑ์ของคุณเป็นสินค้าแฮนด์เมด คุณสามารถเริ่มได้โดยการเซ็ทอัปพื้นที่ในบ้าน สตูดิโอ เช่าสำนักงาน หรือร่วมมือกันภายในกลุ่ม เช็คข้อกำหนดทางกฎหมายสำหรับการตั้งธุรกิจที่บ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณขายอาหารหรือผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง โดยทั่วไปมีข้อกำหนดเกี่ยวกับการระบายอากาศและโปรโตคอลด้านความปลอดภัยอื่น ๆ
🏭 เรื่องราวความสำเร็จของการผลิตสินค้า จากแฮนด์เมดสู่ห้องแลปฯ
เรื่องราวการเริ่มต้นธุรกิจดูแลผิว Meghan Cox ที่พูดคุยถึงช่วงแรก ๆ ของการเริ่มต้น โดย Amalie เปิดตัวสินค้าด้วยการผลิตแบบแฮนด์เมด ไปจนถึงการมีห้องแลปฯ เป็นของตัวเอง 👉 อ่านเรื่องราวของ Meghan
หากผลิตภัณฑ์ของคุณถูกออกแบบมาเพื่อผลิตในสถานที่ของบุคคลที่สาม คุณอาจต้องจัดหา Partner ผู้ผลิต ซึ่งผู้ผลิตที่ดีคือผู้ที่เข้าใจอุตสาหกรรมของคุณ รู้กฎหมายการบรรจุและติดฉลากเฉพาะกับผลิตภัณฑ์หรือการตลาด และสามารถเป็นพันธมิตรที่แท้จริงในธุรกิจของคุณได้
ผู้ผลิตบางรายจะเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยให้คำแนะนำเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในการไปยังผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปของคุณ
👩🏻🎓 ฟรี หลักสูตรสร้างธุรกิจสำหรับตลาดเฉพาะ
ในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง Jason Wong จะพาเจ้าของธุรกิจใหม่ไปผ่านกระบวนการพัฒนาและผลิตสินค้า ตั้งแต่การค้นหาพันธมิตรที่เชื่อถือได้ ไปจนถึงการจัดการ การจัดส่ง และโลจิสติกส์
การค้นหาซัพพลายเออร์
หากคุณเลือกที่จะขายผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่แล้ว คุณจะต้องทำการวิจัยซัพพลายเออร์หรือแบรนด์อื่น ๆ ที่คุณสามารถจัดหาได้ ค้นหาตัวแบบธุรกิจที่เหมาะกับคุณด้านล่าง และคลิกผ่านไปยังการเจาะลึกวิธีการค้นหาสินค้าแต่ละประเภท พร้อมตัวอย่าง
- ดรอปชิป: ซัพพลายเออร์ดรอปชิปที่ดีที่สุด
- พิมพ์ตามสั่ง: บริษัทและเว็บไซต์พิมพ์ตามสั่งที่ดีที่สุด
- ขายส่ง: วิธีหาซัพพลายเออร์ขายส่งที่เหมาะกับธุรกิจของคุณ
🧾 ฟรี เครื่องมือเทมเพลตใบสั่งซื้อ
ด้วย 4 ขั้นตอนง่าย ๆ ก็สามารถสร้างข้อมูลบริษัทและรายละเอียดอื่นๆ สำหรับสร้างใบสั่งซื้ออัตโนมัติที่คุณสามารถดาวน์โหลดและปริ้นท์ออกมาใช้ได้จริง
ลองใช้เทมเพลตใบสั่งซื้อ (รองรับเฉพาะเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ)
🦘 กลับสู่ด้านบนของหน้าเว็บ
5. คิดกลยุทธ์การจัดส่ง
การจัดส่ง มักถูกกล่าวถึงโดยเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กว่าเป็นหนึ่งในแง่มุมที่ท้าทายที่สุดในการเริ่มต้น โชคดีที่เครื่องมือที่มุ่งหวังจะทำให้ภารกิจนี้ง่ายขึ้นเรื่อยๆ แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เช่น Shopify ช่วยรวบรวมราคา เพื่อให้คุณตัดสินใจในการจัดส่งได้อย่างมีข้อมูล และยังรวมแอปสามารถแก้ปัญหาการจัดส่งเฉพาะ ช่วยให้คุณจัดการสต๊อกสินค้าได้ง่ายขึ้น
การตั้งค่าการจัดส่งและการจัดการคำสั่งซื้อ
เมื่อคุณตัดสินใจเกี่ยวกับกลยุทธ์การจัดส่งสำหรับธุรกิจของคุณ คุณจะต้องตัดสินใจก่อนว่าคุณจะจัดการ การจัดการคำสั่งซื้อ อย่างไร สำหรับเจ้าของธุรกิจใหม่หลายๆ คน นั่นหมายถึงการบรรจุและจัดส่งคำสั่งซื้อด้วยตนเองทีละรายการ เว้นแต่คุณจะเลือกโมเดลดรอปชิปหรือพิมพ์ตามคำสั่ง การจัดการการจัดส่งของคุณเองในช่วงแรกจะช่วยให้คุณเข้าใจทุกแง่มุมของธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น
เมื่อธุรกิจของคุณเติบโต คุณอาจตัดสินใจที่จะใช้เอาท์ซอร์สช่วยในการจัดส่งและการจัดการออเดอร์ไปยังบริษัทโลจิสติกส์ภายนอก (3PL) ทำการวิจัยบริการ การจัดการคำสั่งซื้อ ที่แตกต่างกันเพื่อดูว่าอันไหนเหมาะกับธุรกิจที่กำลังเติบโตของคุณ
ค่าจัดส่งมักเป็นปัจจัยในการตัดสินใจของลูกค้าในการซื้อจากธุรกิจของคุณ คุณสามารถตัดสินใจที่จะเสนอการจัดส่งฟรีและสร้างค่าใช้จ่ายนั้นในราคาขายปลีก หรือหากคุณกำลังส่งต่อค่าใช้จ่าย ให้ทำตามขั้นตอนเพื่อรักษาค่าใช้จ่ายเหล่านั้นให้ต่ำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
วิธีการลดค่าใช้จ่ายในการจัดส่ง ได้แก่
✅ ลดน้ำหนักพัสดุ (โดยการใช้ถุงพลาสติกแทนกล่องกระดาษ ถ้าเป็นไปได้)
✅ เลือกบรรจุภัณฑ์ที่มีขนาดเหมาะกับสินค้า
✅ ใช้การจัดส่งแบบอัตราคงที่เมื่อทำได้
✅ ใช้ Shopify Shipping เพื่อลดค่าขนส่ง
✅ รู้ว่าเมื่อใดที่มีการเปลี่ยนแปลงด้านราคา เพื่อที่คุณจะได้ปรับตามนั้น
✅ ให้ข้อเสนอการจัดส่งในท้องถิ่น หรือการรับสินค้าทางเลือกสำหรับลูกค้าที่สะดวก
💡 เคล็ดลับดีๆ ใช้ประโยชน์จากเครื่องมือและเทมเพลตฟรีเพื่อสร้างนโยบายการจัดส่ง, ฉลากการจัดส่ง และกรอกแบบฟอร์มใบกำกับการจัดส่ง
🍕 เรื่องราวความสำเร็จของ Pizza Pilgrims ที่เปลี่ยนไปส่งพิซซ่าทางไปรษณีย์
Shopify Masters ครั้งนี้ เราจะพาคุณไปพบกับผู้ก่อตั้ง Thom และ James Elliot โดยเขาได้ให้บอกเล่าช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงขณะที่มีการระบาดใหญ่ ธุรกิจผ่านทั้งการทดลองและข้อผิดพลาด จนกระทั่งทั้งคู่พัฒนากลยุทธ์การจัดส่งเพื่อให้เหมาะกับข้อเสนอ Pizza Kit โฉมใหม่ 👉 อ่านเรื่องราวของพวกเขา
การเข้าใจการจัดส่งระหว่างประเทศ
หากคุณวางแผนที่จะจัดส่งสินค้าระหว่างประเทศ สิ่งที่ต้องรู้ก็คือ จริงๆ มีขั้นตอนเพิ่มเติมอีกไม่กี่ขั้นตอน ก่อนอื่นให้แน่ใจว่าสินค้าของคุณถูกกฎหมายในประเทศปลายทาง และคุณปฏิบัติตามข้อกำหนดการติดฉลากและบรรจุภัณฑ์ตามที่ประเทศั้นๆ กำหนด รวมถึงรู้วิธีกรอกเอกสารศุลกากร
ภาษีและค่าธรรมเนียม มักเป็นความรับผิดชอบของลูกค้าเมื่อแพ็คเกจส่งถึง และคุณสามารถโชว์ค่าใช้จ่ายเหล่านั้นให้ลูกค้าได้รับทราบอย่างโปร่งใสในขั้นตอนเช็คเอาต์ โดยการเก็บเงินลูกค้าล่วงหน้า
การจัดการสินค้าในสต๊อก
หากคุณกำลังทำงานกับบริการจัดการคำสั่งซื้อ หรือใช้โมเดลดรอปชิปหรือพิมพ์ตามคำสั่ง การจัดการสินค้าในสต๊อกมักจะดูแลโดยบริษัทเอาท์ซอส โดยการจัดการสินค้าคงคลังให้เป็นระเบียบจะช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจเกี่ยวกับการผลิตและการสั่งซื้อซ้ำได้อย่างมีข้อมูล และหลีกเลี่ยงสถานะของไม่พอขาย อันนำมาซึ่งความผิดหวังของลูกค้า
นี่คือแอปการจัดการสินค้าคงคลังที่ติดอันดับต้นๆ ของ Shopify App Store โดยแอปเหล่านี้จะรวมเข้ากับร้านค้าอีคอมเมิร์ซของคุณ เพื่อทำให้กระบวนการซื้อขายเป็นอัตโนมัติ พร้อมส่งการแจ้งเตือนเมื่อสินค้าคงคลังต่ำ
👀 การคาดการณ์: KB แจ้งเตือนรีสต๊อก
✉️ การติดตาม: แจ้งเตือนเมื่อมีของในสต๊อก
🤝 การซิงค์: Stock Sync
🚰 การเติมของ: SUPLIFUL
🔔 การแจ้งเตือนสินค้าคงคลัง: Ordersify แจ้งเตือนรีสต๊อก
ค้นหาคอมมูนิตี้ของคุณ
เข้าถึงเครือข่ายเจ้าของกิจการมากกว่า 900,000 คน ผ่าน Shopify Community สร้างการเชื่อมต่อ แชร์ความรู้ และมีส่วนร่วมในบทสนทนาที่มีความหมาย
🦘 กลับสู่ด้านบนของหน้าเว็บ
6. พัฒนากลยุทธ์และเอกลักษณ์แบรนด์
นอกเหนือจากผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมือนใคร หรือบริการที่ยอดเยี่ยมแล้ว แบรนด์ของคุณคือแรงขับเคลื่อนที่อยู่เบื้องหลังการตัดสินใจซื้อของลูกค้า เพราะแบรนด์ของคุณเป็นมากกว่าชื่อธุรกิจหรือโลโก้ มันคือชุดหลักการและข้อกำหนดการออกแบบที่บอกเล่าเรื่องราวของคุณ สร้างความสอดคล้อง และสร้างความไว้วางใจ การทำแบรนดิ้งจะสร้างพื้นฐานที่คุณใช้ในการตัดสินใจสร้างสรรค์สำหรับแบรนด์ เมื่อธุรกิจของคุณเติบโตขึ้น
ในขณะสร้างแบรนด์ มาดูเช็คลิสต์พร้อมกัน เพื่อให้แน่ใจว่าคุณมองเห็นทุกองค์ประกอบ
✅ พื้นฐาน หมายถึงคุณคือใคร และขายอะไร
✅ สิ่งที่คุณยืนหยัด หรือคำชี้แจงภารกิจ ค่านิยมของแบรนด์ และคำสัญญาของแบรนด์
✅ จุดขายที่ไม่เหมือนใคร สิ่งที่ตอบได้ว่าทำไมดลูกค้าจึงควรเลือกคุณมากกว่าคู่แข่ง
✅ เรื่องราวของแบรนด์ ที่บางครั้งอาจเป็นเรื่องเดียวกับเรื่องส่วนตัวของคุณ
✅ น้ำเสียงของแบรนด์ โทนเสียงและภาษาที่ใช้สื่อสารในแบรนด์อย่างสม่ำเสมอ
✅ เอกลักษณ์ของแบรนด์ เช่น โลโก้ คู่มือสไตล์ และชื่อแบรนด์
ในการพัฒนากลยุทธ์แบรนด์ สิ่งที่คุณควรตอบให้ได้ เช่น คุณต้องการให้ลูกค้ารู้สึกอย่างไรเมื่อพวกเขามีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์? อะไรสำคัญสำหรับคุณ เช่น การตอบแทนสังคม การบริการลูกค้าที่ดีเยี่ยม ค่าจ้างที่เป็นธรรมสำหรับพนักงาน ไปจนถึง สีและดีไซน์แบบไหนที่น่าสนใจและแสดงถึงอารมณ์ของแบรนด์ง? ลองหาคำตอบ เพราะข้อมูลเหล่านี้จะเป็นแนวทางการทำแบรนดิ้งในภายหลัง
ถัดไป ให้หาไอเดียความคิดเกี่ยวกับชื่อธุรกิจและชื่อโดเมน สิ่งสำคัญคือต้องทำการวิจัยชื่อธุรกิจที่มีศักยภาพ เพื่อดูว่ามีการใช้งานอยู่แล้วหรือไม่ (ซึ่งอาจทำให้เกิดความสับสนหรือปัญหาทางกฎหมาย) และหากบัญชีโซเชียลและโดเมนว่างอยู่ เมื่อคุณได้ชื่อแล้ว ให้รักษาชื่อนั้นโดยการตั้งค่าโปรไฟล์โซเชียลและจดทะเบียนโดเมน
💡 เคล็ดลับดีๆ หากคุณติดยังคิดชื่อแบรนด์ไม่ออก ลองใช้โปรแกรมตั้งชื่อธุรกิจฟรีและสร้างชื่อโดเมน
🎧 พอดแคสต์แนะนำ วิธีที่ Headphones.com ได้ครอบครองโดเมนที่ประเมินค่าไม่ได้
Andrew Lissimore เริ่มธุรกิจหูฟังหลังจากเห็นกำไรที่น่าประทับใจในธุรกิจขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เขาต่อรองและทำข้อตกลง เพื่อให้ได้ชื่อโดเมนที่จะช่วยให้เว็บไซต์ของเขาค้นเจอบนกูเกิ้ล👉 ฟังเลย
การสร้างน้ำเสียงและเรื่องราวของแบรนด์
น้ำเสียงของแบรนด์ คือวิธีที่ธุรกิจของคุณสื่อสารกับลูกค้าและโลก มันรวมถึงการตัดสินใจเกี่ยวกับโทนเสียง บุคลิกภาพ คำศัพท์ของแบรนด์ และสแลง การกำหนดเสียงแบรนด์ที่แตกต่างเป็นสิ่งสำคัญเนื่องจากสามารถ
✨ กระตุ้นการจดจำ
👓 มีอิทธิพลต่อการรับรู้
🤝 สร้างความไว้วางใจ
🔌 สร้างการเชื่อมต่อ
👨🏽🤝👨🏻 รับประกันความสอดคล้อง (ไม่ว่าจะมีใครเขียนข้อความของแบรนด์)
สร้างและรักษาคอนเซปท์คู่มือสไตล์ เพราะนี่จะเป็นตัวกำหนดสิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำในแง่ของน้ำเสียงของแบรนด์ (รวมถึงข้อกำหนดด้านภาพลักษณ์) ตัวอย่างเช่น “น้ำเสียงของเราเต็มไปด้วยความมั่นใจ ไม่ใช่การดูถูก” สิ่งนี้จะช่วยให้คุณจ้างงาน หรือเอาท์ซอร์ส งานการตลาดได้ ในขณะที่น้ำเสียงของแบรนด์ยังคงสอดคล้องกัน
🍊 เรื่องราวความสำเร็จของผู้ก่อตั้งแบรนด์ดูแลผิว ผสมผสานเรื่องราวส่วนตัวของเธอกับแบรนด์
ในคู่มือนี้เกี่ยวกับการเล่าเรื่องแบรนด์ ผู้ก่อตั้ง Charlotte Cho เล่าเรื่องราวและวัฒนธรรมของเธอว่าสิ่งเหล่านี้มีความสำคัญต่อการสร้างแบรนด์ดูแลผิว 2 แบรนด์ของเธออย่างไร โดยในฐานะบล็อกเกอร์ความงามที่มีชื่อเสียง เธอสามารถสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ในตอนเปิดตัว 👉 อ่านเพิ่มเติม
💡 เคล็ดลับดีๆ เสียงของแบรนด์จะมีอิทธิพลต่อการเล่าเรื่องแบรนด์ในหน้า About เช่นเดียวกับการเขียนข้อความสำหรับอีคอมเมิร์ซอื่นๆ บนเว็บไซต์
การออกแบบตัวตนของแบรนด์
การออกแบบตัวตนของแบรนด์ ประกอบด้วยสิ่งใดก็ตามที่มีผลต่อวิธีที่ลูกค้าและคนทั่วไปเห็นแบรนด์ของคุณ ซึ่งรวมถึงโลโก้ ฟอนต์ที่คุณใช้ในเว็บไซต์ ภาพถ่าย และการเลือกสี
คุณควรบันทึกทรัพย์สินดีไซน์เหล่านี้ไว้ในแนวทางแบรนด์หรือคู่มือสไตล์ โดยหากคุณไม่ใช่นักออกแบบก็สามารถ DIY การออกแบบตัวตนของแบรนด์ และออกแบบโลโก้ ด้วยเครื่องมือฟรี พร้อมนำเคล็ดลับจากมือโปรด้านล่างนี้ไปใช้ได้
✅ ทำให้เรียบง่าย โลโก้ที่เรียบง่ายจะมีความหลากหลายมากที่สุด ทำให้สามารถทำงานได้ตั้งแต่ฟาเวอริทในเว็บไซต์ไปจนถึงโฆษณาบิลบอร์ด
✅ สร้างความหลากหลาย เช่น คำที่มีสัญลักษณ์และไอคอน จะช่วยให้โลโก้ของคุณเข้ากับการใช้งานที่หลากหลายได้มากกว่า
✅ พิจารณาบริบท หากใช้สัญลักษณ์หรือวัตถุที่เป็นที่รู้จักในโลโก้ของคุณ ให้พิจารณาว่าสัญลักษณ์เหล่านั้นมีความหมายอย่างไรในบริบทและวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน
DIY ตัวตนของแบรนด์
เครื่องมือออกแบบโลโก้ของ Shopify ทั้งใช้ง่ายและฟรี คุณไม่มีใช้ทักษะพิเศษใด ๆ เพียงใช้เทมเพลตในการออกแบบคุณก็สามารถผลิตโลโก้สวยๆ ได้เพียบ
💡 เคล็ดลับดีๆ หากคุณมีปัญหาในการ DIY ตัวตนแบรนด์ ลองใช้บริการ Shopify Experts ทีมงานมืออาชีพของเรา ที่สามารถช่วยคุณสร้างองค์ประกอบแบรนด์ อย่าง โลโก้ แผนสี และเทมเพลตโซเชียลได้ง่ายขึ้น
ทำแบรนด์ให้โดดเด่นและมีชีวิตชีวา
ในส่วนของการออกแบบแบรนดิ้ง คุณจะต้องตัดสินใจเกี่ยวกับทรัพย์สิน เช่น ภาพถ่าย วัสดุพิมพ์ และบรรจุภัณฑ์ สิ่งนี้จะช่วยทำให้มั่นใจได้ว่าประสบการณ์ของลูกค้าตั้งแต่ต้นจนจบจะสอดคล้องกัน
การถ่ายภาพผลิตภัณฑ์
การถ่ายภาพมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับแบรนด์อีคอมเมิร์ซที่พึ่งพาภาพ 2D ในการบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ ส่วนภาพ 3D จะแบกภาระในการแทนที่ความรู้สึกหรือการลองผลิตภัณฑ์ด้วยตนเอง นั่นคือเหตุผลที่การถ่ายภาพอีคอมเมิร์ซที่ดีจะสามารถเพิ่มความมั่นใจของผู้ซื้อ และอัตราคอนเวอร์ชันได้
ภาพถ่าย 2 ประเภทที่มักได้รับการตอบรับที่ดี
- ภาพถ่ายผลิตภัณฑ์: โดยทั่วไปจะเป็นภาพที่ชัดเจนและแสดงรายละเอียดของผลิตภัณฑ์ บางครั้งอาจมีนางแบบหรือนายแบบ แต่โดยรวมของภาพคือเกือบจะไม่มีสิ่งรบกวน และถ่ายบนพื้นหลังที่เรียบง่าย เหมาะสำหรับหน้าสินค้าและหน้าคอลเล็กชัน
- ภาพถ่ายไลฟ์สไตล์: จะเป็นภาพที่มีแรงบันดาลใจมาก พร้อมโขว์ผลิตภัณฑ์ของคุณในบริบทของสิ่งแวดล้อมหรือการกระทำ ภาพจะบอกเล่าเรื่องราวและสร้างแรงบันดาลใจให้กับลูกค้า ด้วยวิธีการใช้หรือสไตล์ผลิตภัณฑ์ ภาพเหล่านี้มีประโยชน์สำหรับใช้บนหน้าหลัก บัญชีโซเชียลมีเดียและแคตตาล็อกดิจิทัล
ตัวอย่างจาก Burst ซึ่งเป็นแหล่งภาพสต็อกฟรีคนทำธุรกิจ คุณจะเห็นความแตกต่างระหว่างภาพถ่ายผลิตภัณฑ์แรกและภาพถ่ายไลฟ์สไตล์ที่สอง
หากคุณตัดสินใจที่จะไปทางถ่ายภาพ DIY เพราะมีข้อจำกัดด้านงบประมาณ คุณยังสามารถทำให้ภาพดูเป็นมืออาชีพได้ด้วยอุปกรณ์ไฟและสมาร์ทโฟน
📚 ติดตามอ่านคู่มือ DIY ตั้งค่าถ่ายภาพสินค้าอย่างสมบูรณ์แบบ
ภาพ DIY ของคุณอาจต้องการการแต่งเล็กน้อยเพื่อให้พร้อมสำหรับใช้บนเว็บไซต์ คุณสามารถเข้าถึงเครื่องมือออกแบบและแก้ไขภาพได้ด้วยราคาเบาๆ หรือแม้แต่ใช้ฟรี
🛠️ ลองใช้: Shopify Image Resizer ปรับขนาดภาพสินค้าให้เหมาะกับเว็บไซต์
ในกรณีที่จำเป็น Stock Photo เป็นทางออกที่ยอดเยี่ยม สำหรับการเติมเต็มความต้องการด้านภาพถ่ายจนกว่าคุณจะสามารถโปรดักชั่นได้ โดยค้นหาภาพจากเว็บไซต์รูปภาพสต็อกที่สะท้อนถึงไลฟ์สไตล์แบรนด์ และนำมาใใช้บนหน้าคอลเลกชัน โฮมเพจ หรือในแคมเปญการตลาด
การออกแบบบรรจุภัณฑ์สินค้า
เอกลักษณ์แบรนด์ที่มองเห็นได้จะปรากฏบนบรรจุภัณฑ์ วัสดุจัดส่ง และสื่อการตลาดแบบพิมพ์อื่นๆ (เช่น ใบปลิวในบรรจุภัณฑ์) ซึ่งลูกค้าควรได้รับประสบการณ์ที่ราบรื่น ตั้งแต่การโต้ตอบครั้งแรกกับแบรนด์ทางออนไลน์ ตลอดจนถึงการรับสินค้า
🧁 เรื่องราวความสำเร็จ: ทำไมการเลือกบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมจึงสำคัญกับแบรนด์นี้
คู่รักผู้ก่อตั้ง Pastreez ย้ายไปอยู่ที่อเมริกา เพื่อแสดงถึงความรักที่มีต่อขนมหวานแบบฝรั่งเศสแบบดั้งเดิมกับตลาดใหม่ และพวกเขาเผชิญกับความท้าทายด้านบรรจุภัณฑ์ วัสดุแบบไหนที่จะปกป้องขนมที่บอบบางในการจัดส่งทางไปรษณีย์ แต่ยังแสดงถึงแบรนด์ และมีความพิเศษมากพอที่จะมอบเป็นของขวัญ 👉 อ่านเรื่องราวของพวกเขา
💝 เรียกดูแหล่งข้อมูลเหล่านี้ เพื่อช่วยคุณออกแบบและเลือกบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม
- คู่มือบรรจุภัณฑ์สินค้าอีคอมเมิร์ซและเทคนิคทำให้ลูกค้าประทับใจ
- 8 ไอเดียบรรจุภัณฑ์เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
- ไอเดียใบปลิวในบรรจุภัณฑ์กับ 7 วิธีเพิ่มความภักดีของลูกค้า
🦘 กลับสู่ด้านบนของหน้าเว็บ
7. สร้างและเปิดตัวเว็บไซต์
ในขั้นตอนนี้ คุณได้เลือกผลิตภัณฑ์และมุ่งมั่นกับแบรนด์ของคุณแล้ว ถึงเวลาแล้วที่จะรวบรวมการทำงานหนักทั้งหมดลงในเว็บไซต์และแนะนำให้โลกรู้จัก มีโปรแกรมสร้างเว็บไซต์หลากหลายในตลาด และคุณจะต้องชั่งน้ำหนักตามปัจจัยต่างๆ เช่น ฟีเจอร์ ต้นทุนเว็บไซต์ และความง่ายในการใช้งาน
🧰 สร้างเว็บไซต์ได้ในไม่กี่นาที
สร้างเว็บไซต์ที่สวยงามได้ง่ายๆ พร้อมด้วยฟีเจอร์และการผสานที่หลากหลาย Drag and Drop ส่วนต่างๆ เพื่อปรับแต่งเว็บไซต์ของคุณโดยไม่ต้องใช้ทักษะการเขียนโค้ด
เริ่มใช้โปรแกรมสร้างเว็บไซต์เลย
การออกแบบและสร้างเว็บอีคอมเมิร์ซ
เมื่อคุณเลือกแพลตฟอร์มแล้ว ก็สามารถสร้างเว็บไซต์ของคุณได้ ด้วยการอัปโหลดผลิตภัณฑ์ ลองใช้ Shopify App Store เป็นตัวช่วยให้คุณปรับปรุงฟังก์ชันการทำงานของร้านค้า โดยมี แอป Shopify ฟรี มากมายที่สามารถทำทุกอย่างได้ ตั้งแต่การจองนัดหมาย ไปจนถึงการทำให้กระบวนการส่งคืนเป็นอัตโนมัติ
ช่วงเวลาน่าสนุกมาถึงแล้ว! การออกแบบเว็บไซต์ให้ดูเป็นมืออาชีพนั้นง่าย แม้ว่าคุณจะไม่มีทักษะการออกแบบก็ตาม นั่นเป็นเพราะมีเครื่องมือและเทมเพลตมากมายที่ให้คุณ Drag and Drop องค์ประกอบการออกแบบได้โดยไม่ต้องใช้โค้ด
เริ่มจากธีมกันก่อน โดยบน Shopify Themes Store มีธีมให้เลือกมากกว่า 100 ธีม แน่นอนว่ามีให้เลือกทุกสไตล์และทุกธุรกิจ และสำหรับเจ้าของกิจการมือใหม่ที่มีงบประมาณน้อยก็สามารถเลือกใช้ ธีม Shopify ฟรีได้
💡 เคล็ดลับดีๆ หากคุณยังไม่แน่ใจว่าธีมใดเหมาะกับธุรกิจของคุณ? เทสต์เทมเพลตของเราอาจช่วยคุณได้
การใช้หลักเกณฑ์แบรนด์ คุณสามารถ
🎨 ปรับแต่งธีมด้วยแบบอักษรและสีที่คุณเลือก
🎨 จัดเรียงเลย์เอาต์ของโฮมเพจใหม่ เพื่อจัดลำดับความสำคัญของสิ่งที่สำคัญ
🎨 อัปโหลดรูปภาพสินค้าและไลฟ์สไตล์ด้วยขนาดที่เหมาะกับเว็บ
🎨 เพิ่มคอนเทนต์ในหน้าเกี่ยวกับเรา หน้าผลิตภัณฑ์ และหน้า Landing Page
ธีมที่สวยงามสำหรับทุกธุรกิจ
เลือกจากธีมกว่า 100 ธีมที่สามารถปรับแต่งให้เข้ากับแบรนด์ของคุณได้อย่างลงตัว
🆘 ต้องการความช่วยเหลือ? ลองดูฟรีคอร์ส “ออกแบบเว็บไซต์ได้โดยไม่มีประสบการณ์” หรือติดต่อกับเน็ตเวิร์ก Shopify Experts เพื่อจ้างมืออาชีพ
การเปิดตัวธุรกิจ
คุณทำสำเร็จแล้ว! แม้ว่าจะยังเหลืออีก 2-3 ขั้นตอนในการทำให้ธุรกิจของคุณดำเนินการได้อย่างเต็มรูปแบบ แต่คุณก็อยู่ในจุดที่สามารถเปิดตัวเว็บไซต์ให้โลกได้เห็นแล้ว นี่เป็นช่วงเวลาสำคัญที่คุณสามารถทดสอบเว็บไซต์แบบจริงจัง, รวบรวมฟีดแบ็กจากลูกค้า และปรับแต่งอีกครั้งก่อนการเปิดตัว Grand Opening
🛑 ก่อนเปิดตัวเว็บไซต์ คุณได้คิดถึงทุกอย่างแล้วหรือยัง? ลองดูเช็คลิสต์อีคอมเมิร์ซ 15 ขั้นตอน เพื่อให้แน่ใจว่าคุณไม่ได้ลืมอะไรก่อนเปิดตัว
🦘 กลับสู่ด้านบนของหน้าเว็บ
8. จดทะเบียนธุรกิจ
คุณอาจต้องทำตามกฎระเบียบชุดหนึ่งที่ควบคุมวิธีการผลิต การตลาด และการจัดส่งสินค้า ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประเทศหรือภูมิภาคที่คุณทำธุรกิจ
ขั้นแรก คุณจะต้องตัดสินใจเกี่ยวกับโครงสร้างธุรกิจ ในบางกรณี คุณจะต้องจดทะเบียนธุรกิจของคุณอย่างเป็นทางการ ตรวจสอบกับหน่วยงานรัฐบาลท้องถิ่นของคุณเพื่อให้แน่ใจว่าคุณกำลังดำเนินธุรกิจอย่างถูกกฎหมาย
การตัดสินใจเกี่ยวกับโครงสร้างธุรกิจ
มีประเภทธุรกิจหลายประเภท (หรือโครงสร้างทางกฎหมายหรือนิติบุคคลทางธุรกิจ) ที่ต้องพิจารณา แต่ก่อนที่คุณจะตัดสินใจเลือก คุณจำเป็นต้องเข้าใจลักษณะของแต่ละประเภท ตัวอย่างเช่น คุณทราบความแตกต่างระหว่างบริษัทจำกัด (LLC) และห้างหุ้นส่วนสามัญหรือไม่? บริษัทจำกัด (มหาชน) เหมาะกับคุณหรือไม่
หากคุณต้องการเรียนรู้เชิงลึก มาเจาะลึกแหล่งข้อมูลด้านล่างพร้อมๆ กัน
- LLC: วิธีการเริ่มต้นบริษัทจำกัด
- ห้างหุ้นส่วนสามัญ: คู่มือโครงสร้างธุรกิจแบบห้างหุ้นส่วนสามัญ
- บริษัทจำกัด (มหาชน): วิธีจัดตั้งและดำเนินงานบริษัทจำกัด (มหาชน)
- บริษัทประโยชน์สาธารณะ: วิธีการสมัครรับรอง B Corp
- บริษัท S: บริษัท S คืออะไร? เรียนรู้ประโยชน์
- LLP: 4 ข้อดีของการจัดตั้ง LLP
- DBA: Doing Business As คืออะไร? คำอธิบายและคู่มือ
ไม่ว่าคุณจะเลือกเป็นเจ้าของคนเดียว หรือร่วมทุนกับหุ้นส่วนทางธุรกิจ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ระบุรายละเอียดความเป็นเจ้าของธุรกิจอย่างชัดเจน
การจดทะเบียนธุรกิจกับรัฐบาล
ในบางกรณี คุณอาจไม่จำเป็นต้องจดทะเบียนธุรกิจอย่างเป็นทางการ ตัวอย่างเช่น ในแคนาดา ธุรกิจขนาดเล็กที่ทำรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด ไม่จำเป็นต้องจดทะเบียนอย่างเป็นทางการ หรือเรียกเก็บและส่งภาษีขาย อย่างไรก็ตาม การจดทะเบียนธุรกิจของคุณกับ CRA (Canada Revenue Agency) ล่วงหน้ามีข้อดี เช่น การได้รับประโยชน์จากการคุ้มครอง
การทำประกันภัยธุรกิจ
สิ่งสำคัญคือต้องปกป้องตัวคุณ ธุรกิจ และพนักงานของคุณในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน พิจารณาสถานการณ์ที่เป็นไปได้ทั้งหมดที่อาจทำให้ธุรกิจของคุณหยุดชะงัก ในที่นี้รวมถึงภัยธรรมชาติ ปัญหาสุขภาพพนักงาน ผลิตภัณฑ์ล็อตที่ไม่ดี หรือแม้แต่การฟ้องร้อง การซื้อกรมธรรม์ประกันภัยเป็นการป้องกันที่ดีที่สุด
มีประกันภัยธุรกิจหลายประเภทที่ควรพิจารณา ซึ่งรวมถึงประกันภัยทรัพย์สินเชิงพาณิชย์ ประกันภัยแรงงาน ประกันภัยความรับผิดทางวิชาชีพ ประกันภัยความรับผิดของผลิตภัณฑ์ และประกันภัยการหยุดชะงักทางธุรกิจ ลองทำความเข้าใจฟีเจอร์ของแต่ละรายการ เพื่อดูว่าเหมาะกับธุรกิจของคุณหรือไม่ นอกจากนี้คุณอาจสนใจกรมธรรม์สำหรับเจ้าของธุรกิจ (BOP) ซึ่งรวมความคุ้มครองหลายประเภทข้างต้นเข้าด้วยกัน
🛑 หมายเหตุ: คุณอาจต้องรับผิดชอบส่วนบุคคลในเรื่องทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับโครงสร้างธุรกิจ (โดยปกติจะครอบคลุมโดยประกันภัยความรับผิดทางวิชาชีพ) อย่างไรก็ตาม ก่อนที่คุณจะซื้อกรมธรรม์ประกันภัย โปรดปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เพื่อดูว่าคุณจำเป็นต้องมีการคุ้มครองความรับผิดส่วนบุคคลหรือไม่
นอกจากนี้ คุณอาจต้องการใช้การป้องกันประเภทอื่นๆ เมื่อขยายธุรกิจ
- การเสนอประกันสุขภาพให้กับพนักงาน ควบคู่ไปกับค่าจ้างที่ยุติธรรมและเทียบเท่าคู่แข่ง เป็นวิธีที่ดีในการดึงดูดและรักษาผู้มีความสามารถ
- การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าหรือการยื่นขอจดสิทธิบัตร สามารถปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาได้ตามกฎหมาย เช่น สิ่งประดิษฐ์หรือชื่อธุรกิจของคุณ
- การเขียนและโพสต์ข้อกำหนดและเงื่อนไขที่ปกป้องบริษัทของคุณ โดยระบุสิ่งที่ลูกค้าต้องปฏิบัติตามกฎหมายหากใช้บริการ
💡 เคล็ดลับดีๆ ที่ปรึกษาประกันภัยหรือทนายความ สามารถช่วยคุณจัดประเภทของประกันภัยธุรกิจที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณได้
🦘 กลับสู่ด้านบนของหน้าเว็บ
9. จัดการเงิน
กุญแจสู่ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ มักจะขึ้นอยู่กับการค้นหาผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม ในตลาดที่เหมาะสม และในเวลาที่เหมาะสม แต่การรักษาความสำเร็จนั้นขึ้นอยู่กับหลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นเบื้องหลัง เมื่อคุณจัดการการเงินได้ดี คุณจะมั่นใจได้ว่าคุณไม่ได้ใช้จ่ายมากเกินไป และยังคงปลอดภัยในยามที่โชคไม่เข้าข้าง
การเปิดบัญชีธนาคารสำหรับธุรกิจ
การตั้งค่าบัญชีธนาคารสำหรับธุรกิจเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญ อย่างน้อยที่สุดก็ช่วยให้คุณแยกการเงินส่วนบุคคลและธุรกิจของคุณออกจากกันได้ และยังช่วยให้คุณสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับธนาคารในฐานะหุ้นส่วนความสำเร็จทางการเงินระยะยาว
สำรวจผลิตบริการธนาคารสำหรับธุรกิจต่างๆ (เช่น บัตรเครดิตธุรกิจ) ที่มีอยู่ในตลาด เพื่อดูว่าผลิตภัณฑ์ไหนและธนาคารใดที่เหมาะกับธุรกิจของคุณ จากนั้นให้ลองถามคำถาม เช่น
💰 ธนาคารเป็นมิตรกับธุรกิจขนาดเล็กหรือไม่?
💰 ธนาคารมีชื่อเสียงด้านไหนตลาด?
💰 ธนาคารมีโซลูชันและคำแนะนำทางการเงินที่เหมาะกับกิจการของคุณหรือไม่?
💰 โครงสร้างค่าธรรมเนียมธนาคารเป็นอย่างไร?
💰 ธนาคารมีกระบวนการกู้ยืมที่ยุ่งยากหรือไม่?
การจัดการการเงิน
แผนธุรกิจของคุณควรรวมแผนทางการเงินด้วย หากคุณทำขั้นตอนนี้เสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาลงมือปฏิบัติ และหากคุณยังไม่ได้เริ่ม ลองดูแหล่งข้อมูลดีๆ ด้านล่าง
👩🏻🎓 หลักสูตรฟรี วิธีสร้างแผนทางการเงินที่มั่นคง
แผนทางการเงินช่วยให้คุณจัดการธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น คาดการณ์ค่าใช้จ่าย และแม้กระทั่งสมัครขอสินเชื่อในอนาคต โดยหลักสูตรนี้จะแนะนำคุณเกี่ยวกับพื้นฐาน ตั้งแต่งบดุล ไปจนถึง งบกำไรขาดทุน
อภิธานศัพท์ทางธุรกิจและการเงิน
เมื่อคุณทำความเข้าใจเกี่ยวกับการเงินทางธุรกิจ คุณอาจพบคำศัพท์ใหม่ๆ โดยด้านล่างนี้คือคำศัพท์และความหมายทางงบการเงินและแนวคิดบางส่วน
งบดุล
งบดุลแสดงรายการสินทรัพย์ หนี้สิน และส่วนของผู้ถือหุ้นของธุรกิจ งบดุลแสดงภาพรวมมูลค่าธุรกิจ หลังหักหนี้สินหรือหนี้ทั้งหมด และการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นแล้ว
งบกำไรขาดทุน
งบกำไรขาดทุน (หรืองบกำไรขาดทุน หรือ งบรายได้) คำนวณรายได้ หักด้วยค่าใช้จ่าย เพื่อบอกว่าธุรกิจทำเงินได้เท่าไร โดยปกติจะจัดทำเป็นรายเดือน รายไตรมาส หรือรายปี ขึ้นอยู่กับธุรกิจของคุณ
งบกระแสเงินสด
งบกระแสเงินสด (CFS) เป็นงบการเงินที่สรุปธุรกรรมเงินสดเข้าและออกในช่วงเวลาที่กำหนด งบนี้แสดงภาพรวมโดยละเอียดเกี่ยวกับสถานะเงินสดของบริษัทให้กับผู้ก่อตั้ง การจัดการกระแสเงินสดเป็นสิ่งสำคัญต่อสุขภาพทางการเงินอย่างต่อเนื่อง
การเลือกซอฟต์แวร์บัญชีสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก
เจ้าของธุรกิจหลายรายยืนยันที่จะใช้สเปรดชีตง่ายๆ ในการจัดการบัญชีสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก และวิธีนี้ก็ใช้ได้ดีสำหรับธุรกิจขนาดเล็กส่วนใหญ่ที่เพิ่งเริ่มต้น หากคุณต้องการฟังก์ชันการทำงานและระบบที่อัตโนมัติมากขึ้น หรือคุณมีโครงสร้างธุรกิจที่ซับซ้อนมากขึ้น ก็สามารถเลือกใช้เครื่องมือบัญชีสำหรับธุรกิจขนาดเล็กที่มีอยู่มากมายในตลาดได้เช่นกัน
💡 เคล็ดลับดีๆ: นักบัญชีมืออาชีพสามารถช่วยไกด์รายละเอียดปลีกย่อยการบัญชีธุรกิจ รวมถึงการให้คำแนะนำเกี่ยวกับซอฟต์แวร์บัญชี และการเตรียมตัวสำหรับช่วงเวลาเสียภาษีได้
การจ่ายภาษีธุรกิจ
การเตรียมพร้อมสำหรับช่วงเวลาเสียภาษี หมายถึง การจัดการการเงินตลอดทั้งปี ไม่ใช่การเร่งรีบในนาทีสุดท้าย เพราะว่าหากธุรกิจของคุณเป็นหนี้ภาษี คุณจะได้รู้เรื่องนี้ล่วงหน้า เช็คให้ให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจกำหนดเวลาชำระภาษีธุรกิจ และประเภทของภาษีที่คุณต้องรับผิดชอบ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับโครงสร้างธุรกิจของคุณ
อย่าลืมว่าคุณสามารถหักล้างการซื้อหลายประเภทให้อยู่ในโหมดการหักภาษีในฐานะเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก ซึ่งด้านล่างนี้คือรายการบางส่วน
- ค่าขนส่ง
- ค่าเช่าและค่าสาธารณูปโภคของพื้นที่ทำงาน
- ค่าธรรมเนียมสำหรับบริการระดับมืออาชีพ (เช่น นักบัญชี)
- ค่าธรรมเนียมเว็บไซต์
- ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
อย่าลืมรวจสอบกับทีมบัญชีของคุณ ก่อนที่จะตัดค่าใช้จ่ายใดๆ เพราะกฎค่าใช้จ่ายทางธุรกิจจะแตกต่างกันไปตามอุตสาหกรรมและประเทศ
การเรียกเก็บภาษี
ธุรกิจของคุณควรเรียกเก็บภาษีขายสำหรับการซื้อทางออนไลน์หรือไม่? คำตอบของเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ รวมถึงสถานที่ที่คุณดำเนินธุรกิจ สถานที่ตั้งลูกค้า ประเภทสินค้าที่คุณขาย (สินค้าบางอย่างก็ไม่ต้องเสียภาษี) และรายได้ที่คุณได้รับ
เมื่อคุณพิจารณาแล้วว่าคุณควรเรียกเก็บภาษีการขาย คุณจะต้องสมัครขอใบอนุญาตภาษีมูลค่าเพิ่ม ตั้งค่าอัตราภาษีในร้านค้าออนไลน์ของคุณ เรียกเก็บภาษีจากการซื้อที่มีสิทธิ์ และส่งภาษีเหล่านั้นในช่วงเวลาเสียภาษี
💡 เคล็ดลับดีๆ แยกภาษีที่เก็บไว้ต่างหากในบัญชีธนาคารสำหรับธุรกิจ เพื่อให้ภาษียังคงอยู่จนกว่าจะถึงเวลาเสียภาษีและไม่ปะปนกับรายได้
🦘 กลับสู่ด้านบนของหน้าเว็บ
10. ทำการตลาดให้ธุรกิจ
การตลาดเป็นหนึ่งในแง่มุมที่ท้าทายที่สุดของการดำเนินธุรกิจ แต่ก็เป็นพื้นที่ที่คุณจะใช้เวลาและงบประมาณส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดตัวเว็บไซต์ที่ประสบความสำเร็จ หรือแคมเปญอื่นๆ ต่างก็ต้องอาศัยแคมเปญที่น่าสนใจ เพื่อดึงดูดผู้เข้าชมและเปลี่ยนให้ผู้เข้าชมเหล่านั้นให้เป็นผู้ซื้อ
การสร้างแผนการตลาด
แผนธุรกิจของคุณควรรวมแผนการตลาดไว้ด้วย เพราะนอกเหนือจากแผนทางการเงิน แผนการตลาดคือกลยุทธ์ที่ธุรกิจของคุณใช้เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ต่อหน้ากลุ่มเป้าหมาย เป็นแผนงานที่ช่วยให้คุณกำหนดเป้าหมายและมีแผนสำรอง
💡 เคล็ดลับดีๆ หากคุณยังไปต่อไม่ได้ ลองดูตัวอย่างแผนการตลาดและหาไอเดียจากแนวทางดีๆ ในการเพิ่มปริมาณการเข้าชม
และต่อจากนี้ มาดูกลยุทธ์และช่องทางการตลาดแต่ละประเภทกัน จุดนี้จะช่วยเตรียมความพร้อมให้คุณทำการขายครั้งแรกได้อย่างมั่นใจ!
การลงทุนใน Organic Marketing
Organic Marketing หมายถึง ความพยายามทางการตลาดที่ไม่เสียค่าใช้จ่าย ด้วยอัลกอริทึมของโซเชียลมีเดียที่เปลี่ยนแปลงไปและการแข่งขันที่มากขึ้น การเข้าชมแบบออร์แกนิกจึงยากขึ้นเรื่อยๆ แต่อย่างไรก็ตาม เราก็ยังมีวิธีที่ดีๆ ในการดึงดูดลูกค้าด้วยงบประมาณที่จำกัด
ไอเดียบางส่วน ได้แก่
- การรับพรีออเดอร์
- การจัดกิจกรรมแจกของรางวัล เพื่อจูงใจให้แชร์หรือติดตามโซเชียล
- การแจกรหัสส่วนลดและคูปอง
- การจัดงานเปิดตัว เพื่อดึงดูดผู้คนมายังร้านของคุณ
- การทำคอนเทนต์มาร์เก็ตติ้ง (เช่น การสร้างบล็อกหรือวิดีโอ)
- การทำความเข้าใจเกี่ยวกับการเพิ่มประสิทธิภาพ SEO
- การทำโปรแกรมพันธมิตร
- การมีส่วนร่วมในคอมมูนิตี้โซเชียลอย่างจริงจัง
- วิธีประหยัดต้นทุนและโปรโมตธุรกิจฟรี
เราจะมาดูไอเดียเหล่านี้โดยละเอียดอีกครั้งในส่วนถัดไป
🦠 เรื่องราวความสำเร็จของแบรนด์ที่ใช้การพรีออเดอร์เปิดตัวธุรกิจ
ผู้ก่อตั้งแบรนด์เจลล้างมือพกพา Sanikind เปิดตัวในช่วง Pandemic โดยใช้การพรีออเดอร์และการระดมทุน เพื่อกระตุ้นความตื่นเต้นสำหรับแนวคิดทางธุรกิจใหม่ 👉 อ่านเรื่องของพวกเขา
การสำรวจช่องทางการตลาด
มีหลายช่องทางที่คุณสามารถใช้เพื่อทำการตลาดสินค้า แต่ช่องทางไหนที่เหมาะกับคุณกันแน่? จุดเริ่มต้นที่ดีที่สุดมักจะเป็นช่องทางที่คุณรู้สึกสะดวกสบายที่สุด หรือสถานที่ที่คุณรู้ว่ากลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่ของคุณใช้เวลาอยู่ จากนั้นก็ทำการทดสอบแต่ละช่องทาง เพื่อดูว่าช่องทางใดให้ผลตอบแทนจากความพยายามและค่าใช้จ่ายของคุณดีที่สุด
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับช่องทางการตลาดไปพร้อมๆ กัน ด้านล่าง
อีเมล
การตลาดทางอีเมลเป็นเครื่องมือที่ใช้ได้ผลในการคอนเวิร์สลูกค้า ส่งเสริมการซื้อซ้ำ และจูงใจให้ลูกค้าประจำซื้อมากขึ้น นี่เป็นเครื่องมือทางการตลาดที่คุ้มค่า แต่ต้องใช้ความพยายามมากกว่าช่องทางแบบชำระเงินบางช่องทาง การสร้างลิสต์อีเมลและการทำคอนเทนต์ที่น่าสนใจในจังหวะที่เหมาะสมเป็นกุญแจสำคัญในการทำการตลาดทางอีเมลที่ประสบความสำเร็จ
🔎 สำรวจเรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ
- เคล็ดลับการส่งอีเมลตะกร้าสินค้าที่ถูกละทิ้ง
- ตัวอย่างการตลาดทางอีเมลที่ให้แรงบันดาลใจกับคุณ
- ตัวอย่างอีเมลต้อนรับที่ใช้งานได้จริง
Google เป็นแหล่งข้อมูลอันล้ำค่าของลูกค้าที่กำลังมองหาสินค้าของคุณ แต่เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะหาคุณเจอ คุณ คุณต้องปรากฏในผลการค้นหาซึ่งสามารถทำได้หลายวิธี รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพกลไกค้นหา (SEO) และ Google Ads แบบชำระเงิน (การตลาดผ่านเครื่องมือค้นหา)
SEO เป็นกลยุทธ์ทางการตลาดแบบออร์แกนิกที่เกี่ยวกักับการปรับปรุงเว็บไซต์เพื่อให้ติดอันดับสูงขึ้นในเครื่องมือค้นหา การส่งสัญญาณไปยัง Google ว่าเว็บไซต์ของคุณมีคุณค่าและตอบโจทย์วัตถุประสวค์ในการค้นหาของผู้ใช้ จะมีแนวโน้มที่จะปรากฏในอันดับที่สูงขึ้น
🔎 สำรวจเรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ
- SEO อีคอมเมิร์ซ คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับมือใหม่
- 18 ประเภทโฆษณา Google ที่ดีที่สุด คู่มือฉบับเต็มพร้อมตัวอย่าง
- คู่มือ Google Shopping Ads สำหรับมือใหม่
Instagram ช่องทางโซเชียลมีเดียเน้นภาพ ซึ่งสามารถเป็นเครื่องมือทางการตลาดที่มีประสิทธิภาพสำหรับบางแบรนด์ ไม่ว่าคุณจะใช้ Instagram Ads เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์กับต่อหน้าลูกค้าที่มีศักยภาพ เพิ่มจำนวนผู้ชมแบบออร์แกนิกด้วยคอนเทนต์ที่น่าสนใจ หรือใช้เป็นช่องทางการขาย ก็เป็นแพลตฟอร์มที่ควรค่าแก่การสำรวจ
🔎 สำรวจเรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ
- คู่มือสำหรับผู้เริ่มต้นทำการตลาดบน Instagram
- ทำยอด Like ด้วยแฮชแท็ก Instagram ยอดนิยม
- วิธีสร้างผู้ติดตามบน IG ให้มากขึ้นบน
- ไอเดีย Instagram Bio (พร้อมตัวอย่าง)
💡รู้หรือไม่? คุณสามารถขายสินค้าโดยตรงให้กับผู้ชมได้โดยใช้ Instagram Shopping ลองดู LinkPop และ Shopify Starter Plan เพื่อใช้ประโยชน์จากไอจีให้มากยิ่งขึ้น
Facebook ยังคงเป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีผู้ใช้ 2.9 พันล้านคน และเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสำหรับธุรกิจหลายแห่งใช้ เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมกับคอมมูนิตี้ของตน โดยจะมีทั้งช่องทางการโฆษณา Facebook แบบชำระเงิน และขายสินค้าโดยตรง
✅ ทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมาย
✅ กระจายรูปแบบคอนเทนต์
✅ โพสต์ให้ถูกช่วงเวลา (ตอนที่ผู้ชมของคุณใช้งานอยู่)
✅ แชร์คอนเทนต์จากอินฟลูฯ
✅ ส่งเสริมรีวิว
✅ มีส่วนร่วมกับกลุ่ม Facebook
✅ ติดตามข้อมูลเชิงลึกของ Facebook
🔎 สำรวจเรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ
- การตลาดบน Facebook คู่มือธุรกิจแบบทีละขั้นตอน
- ขนาดและข้อมูลจำเพาะของโฆษณา Facebook + เครื่องมือปรับขนาดฟรี
- โฆษณา Facebook มีค่าใช้จ่ายเท่าไร?
- เคล็ดลับการกำหนดเป้าหมายโฆษณา Facebook
💡 รู้หรือไม่? คุณสามารถขายผลิตภัณฑ์บน Facebook เพื่อประสบการณ์ที่ราบรื่นสำหรับผู้ชมบนโซเชียลของคุณ สำรวจ แอป Shopify เพื่อใช้ Facebook Messenger และสนทนากับลูกค้าหลังการซื้อ
TikTok
ในฐานะแพลตฟอร์มใหม่ในตลาด คุณยังมีโอกาสที่จะชนะด้วยการตลาดแบบออร์แกนิกบน TikTok การประสบความสำเร็จบนแพลตฟอร์ม หมายถึงการใส่ใจกับเทรนด์และการนำเสนอคอนเทนต์ที่สะดุดตา และเกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมาย
🔥 5 เคล็ดลับการตลาด TikTok
- สร้างคุณค่าด้วยคอนเทนต์ (ผู้ชมของคุณต้องการอะไร?)
- มีความเกี่ยวข้องและเชื่อมโยงได้
- มุ่งเน้นที่สาระมากกว่าความสวยงาม (มูลค่าการผลิตไม่สำคัญบนแพลตฟอร์มนี้)
- อย่าขายให้คน แต่จงโน้มน้าวพวกเขา
- มีส่วนร่วมในคอมมูนิตี้ TikTok
🧪 พอดแคสต์แนะนำ ธุรกิจสไลม์ ประสบความสำเร็จบนโซเชียลได้อย่างไร
Angelina Ly อายุ 14 ปี เมื่อเธอเห็นสไลม์เป็นที่นิยมในหมู่เพื่อนๆ เธอเริ่มทำสไลม์ของตัวเอง และในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เธอได้ขยาย Firefly Slime ให้กลายเป็นอาณาจักร เธอพบความสำเร็จในการสร้างคอมมูนิตี้บนแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น TikTok และ Instagram ซึ่งเธอปรับแต่งคอนเทนต์ให้เหมาะกับแต่ละช่องทางและผู้ชม ฟังเรื่องราวของ Angelina
🔎 สำรวจเรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ
ช่องทางอื่นๆ
มีแพลตฟอร์มอื่นๆ อีกมากมายที่อาจเป็นช่องทางการตลาดที่สมบูรณ์แบบสำหรับธุรกิจของคุณ Twitch ซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่เกมเมอร์ อาจเหมาะสมในการค้นหาลูกค้าสำหรับธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ หรืออย่าง Pinterest ซึ่งเป็นช่องทางสำหรับเนื้อหา DIY และสไตล์ อาจเป็นสถานที่ที่มีประสิทธิภาพในการทำการตลาดแบรนด์ของตกแต่งบ้าน
- Twitter: การตลาดบน Twitter คู่มือสำหรับมือใหม่
- YouTube: วิธีลงโฆษณา YouTube สำหรับมือใหม่ และ แนะนำวิธีทำเริ่มการตลาดให้ช่อง YouTube ของคุณ
- Reddit: วิธีใช้ Reddit เชิงธุรกิจ
- Snapchat: วิธีโฆษณาบน Snapchat Ads
- Pinterest: คู่มือ Pinterest Ads สำหรับมือใหม่
- Twitch: วิธีสร้างรายได้บน Twitch
- WeChat: วิธีการขายบน WeChat กับทุกสิ่งที่คุณต้องรู้
💡 เคล็ดลับ: ไม่ว่าคุณจะเลือกช่องทางการตลาดใด คุณจะต้องมีการกระตุ้นการตัดสินใจ (CTA) ที่ชัดเจน ซึ่งอาจเป็นการขอให้ผู้ชมซื้อสินค้าโดยตรงผ่านแพลตฟอร์มหรือไปที่เว็บไซต์ของคุณ เรียนรู้วิธีใช้ประโยชน์สูงสุดจากลิงก์ไบโอ เพื่อบรรลุเป้าหมาย
การสร้างกลยุทธ์เนื้อหา
ไม่ว่าจะเป็นกลยุทธ์ SEO ในเว็บไซต์ของคุณหรือบนแพลตฟอร์มอื่นๆ เช่น YouTube Content Marketing เป็นวิธีที่ดีในการเพิ่มปริมาณการเข้าชม สร้างอำนาจในอุตสาหกรรมของคุณ และมอบคุณค่าให้กับลูกค้า
🗒️ รูปแบบ Content Marketing ได้แก่
- บล็อกและเนื้อหาที่เป็นลายลักษณ์อักษร
- วิดีโอ
- พอดแคสต์
- คอร์สและบทช่วยสอนเสมือนจริง
- โซเชียลมีเดียคอนเทนท์
- อินโฟกราฟิก
- คอนเทนท์ภาพ
- อีบุ๊ก
- PDF และเอกสารดาวน์โหลดแบบดิจิทัล (เทมเพลต สูตรอาหาร คู่มือ ฟ้อนต์ฟรี)
เนื้อหาที่อยู่ในเว็บไซต์ของคุณสามารถใช้เพิ่มปริมาณการเข้าชม (โดยใช้ SEO) หรือสามารถเลือกให้เป็นแบบ "ปิดกั้น" เพื่อให้โอกาสเฉพาะสมาชิกที่กด Subscribe เท่านั้น เช่น บทช่วยสอนสั้นๆ หรือสูตรอาหาร สามารถให้ลูกค้าที่มีศักยภาพได้ลิ้มลองสิ่งที่คุณนำเสนอ และทำให้พวกเขารู้สึกมั่นใจในการซื้อเนื้อหาแบบชำระเงิน เช่น ตำราอาหาร หรือหลักสูตรฉบับเต็ม
ลูกค้าที่มีศักยภาพ สามารถค้นเจอธุรกิจของคุณ (แบบไม่ต้องใช้แอดฯ) ผ่านแพลตฟอร์มอื่นๆ เช่น YouTube การนำเสนอคอนเทนท์ที่เกี่ยวข้องบน YouTube เป็นอีกวิธีหนึ่งในการแสดงในผลการค้นหาและสร้างคอมมูนิตี้
🔎 สำรวจเรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ
- 15 ตัวอย่างที่ช่วยให้คุณเริ่มต้นบล็อกที่ประสบความสำเร็จได้
- คู่มือการตลาดวิดีโอ พร้อมวิธีสร้างกลยุทธ์
- โปรแกรมตัดต่อวิดีโอฟรีที่ดีที่สุด
- เครื่องมือสร้างคอนเทนท์แบบชำระเงินและฟรีที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจออนไลน์
- สร้างรายได้จากความโปรของคุณด้วยคอร์สออนไลน์ที่ขายได้
🍜 เรื่องราวความสำเร็จของเชฟวีแกน ที่จะเล่าว่าเขาสร้างธุรกิจบน YouTube ได้อย่างไร
Wil Yeung เคยลองทำทุกอย่าง ตั้งแต่การขายไวโอลินแบบ Dropshipping ไปจนถึงการพัฒนาสินค้าอุปโภคบริโภคของตัวเอง ผู้ประกอบการต่อเนื่องและเชฟ самоучка คนนี้สร้างธุรกิจใหม่ ด้วยกลยุทธ์คอนเทนท์บน YouTube ตอนนี้เขาขายสูตรอาหารทั้งพิมพ์เป็นหนังสือ อีบุ๊ก และคอร์สออนไลน์ 👉 อ่านเรื่องราวของ Wil
ทำความเข้าใจการเพิ่มประสิทธิภาพอัตรา Conversion
การเพิ่มประสิทธิภาพอัตรา Conversion (CRO) คือชุดของกลยุทธ์ทางการตลาดสำหรับการเพิ่ม Conversion (เปอร์เซ็นต์ของการเข้าชมของคุณที่ซื้อสินค้า) บนเว็บไซต์ของคุณ ผ่านตัวเลือกการออกแบบ การปรับปรุงประสิทธิภาพ และการทดสอบ CRO ที่มีประสิทธิภาพสามารถกระตุ้นให้ผู้เข้าชมดำเนินการมากขึ้น
วิธีปรับปรุงอัตรา Conversion บนเว็บไซต์ของคุณ ได้แก่
✅ การลดความซับซ้อนของประสบการณ์ผู้ใช้✅ การเพิ่มคำรับรอง✅ การใช้รูปภาพคุณภาพสูง✅ การปรับแต่ง ข้อความอีเมลขอบคุณ✅ ข้อเสนอการจัดส่งฟรี✅ การเพิ่มประสิทธิภาพเวลาในการโหลดหน้า
🔎 สำรวจเรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ
- มีคนดูเว็บ แต่ขายไม่ได้? วิเคราะห์และหาวิธีปรับปรุงร้านค้าของคุณ
- การทดสอบ A/B คู่มือฉบับเต็ม พร้อมเคล็ดลับจากมือโปร
- CRO และการเติบโต เคล็ดลับเพิ่มประสิทธิภาพ Conversion จาก 19 ผู้เชี่ยวชาญ
การเซ็ทอัปการวิเคราะห์การตลาด
การทำโฆษณาโดยไม่เข้าใจตัวชี้วัดอีคอมเมิร์ซอาจหมายถึงการเสียเงินและเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ ลองใช้เวลาเรียนรู้เครื่องมือวิเคราะห์และทำความคุ้นเคยกับคำศัพท์ สิ่งนี้จะช่วยให้คุณเห็นภาพที่ถูกต้องเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายทางการตลาดและประสิทธิภาพของคุณ เพื่อให้คุณสามารถเพิ่มสิ่งที่ได้ผลและหยุดสิ่งที่ไม่ได้ผลอย่างมีทิศทาง
แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย มักจะมีแดชบอร์ดวิเคราะห์ เพื่อช่วยคุณติดตามประสิทธิภาพของคอนเทนท์และแคมเปญ คุณสามารถค้นหาการวิเคราะห์การตลาดประจำเว็บไซต์ของคุณได้ ในรายงานบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของคุณหรือผ่านเครื่องมือต่างๆ เช่น Google Analytics
🔎 สำรวจเรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ
- วิธีคำนวณและเพิ่มมูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้า (LTV)
- ต้นทุนการได้มาซึ่งลูกค้า (CAC) คืออะไร? คำนวณและลดต้นทุน
- 5 วิธีในการเพิ่มมูลค่าการสั่งซื้อเฉลี่ย (AOV) ของร้านค้าออนไลน์
การสร้างคอมมูนิตี้
คอมมูนิตี้ เป็นกุญแจสำคัญสำหรับแบรนด์ที่ตอบสนองตลาดเฉพาะกลุ่ม ทั้งการเอาชนะใจและความไว้วางใจของคอมมูนิตี้ที่มั่นคงและการสร้างคอมมูนิตี้ใหม่ของคุณเองต้องใช้ความสม่ำเสมอ ความถูกต้อง และการสัมผัสส่วนบุคคล
ไม่ว่ากลุ่มเป้าหมายของคุณจะเป็นผู้รอดชีวิตจากมะเร็งเต้านม คอมมูนิตี้ชนเผ่าพื้นเมือง หรือแดร็กควีน สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจคอมมูนิตี้ที่คุณให้บริการ รับฟัง มีส่วนร่วม และขอความคิดเห็นเมื่อคุณเติบโต
แบรนด์ใหม่หลายแบรนด์เลือกที่จะสร้างธุรกิจที่ให้บริการคอมมูนิตี้ที่พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งอยู่แล้ว ด้วยวิธีนี้ พวกเขามีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับความต้องการของลูกค้าและช่องว่างในตลาด หากคุณไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของคอมมูนิตี้ที่คุณหวังจะกำหนดเป้าหมาย ให้ถามตัวเองว่าคุณเป็นคนที่ดีที่สุดที่จะสร้างสำหรับกลุ่มนั้นหรือไม่
🍬 เรื่องราวความสำเร็จของคอมมูนิตี้เป็นศูนย์กลางของการเติบโตของแบรนด์มาร์ชเมลโลว์นี้
เมื่อผู้ก่อตั้ง XO Marshmallow ย้ายธุรกิจจากตลาดเกษตรกรไปยังร้านค้าออนไลน์ และนำการพบปะแบบตัวต่อตัวติดไปด้วย ซึ่งแน่นอนว่าคอมมูนิตี้โซเชียลที่แข็งแกร่งของพวกเขา ช่วยให้ธุรกิจได้รับความเห็นที่ตรงกับความต้องการและขยายธุรกิจใหม่ผ่านการบอกต่อแบบปากต่อปาก 👉 อ่านเรื่องราวของพวกเขา
เมื่อคุณสร้างคอมมูนิตี้แล้ว สิ่งสำคัญคือต้องดูแลคอมมูนิตี้นั้นๆ การจัดการคอมมูนิตี้ กับการพัฒนาความสัมพันธ์ของคุณกับผู้ชมในพื้นที่สาธารณะ การจัดการคอมมูนิตี้ที่มีประสิทธิภาพมี 4 ส่วน ได้แก่
👀 การติดตาม: การติดตามบทสนทนาที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์
💬 การมีส่วนร่วม: การมีส่วนร่วมกับลูกค้าและอินฟลูเอนเซอร์อย่างจริงจัง
🚔 การคัดกรอง: การลบความเห็นและบทสนทนาที่ไม่เพิ่มมูลค่า หรือละเมิดข้อกำหนดแบรนด์หรือแพลตฟอร์ม
📐 การวัดผล: การวิเคราะห์ว่าแบรนด์ถูกมองอย่างไร ได้รับข้อเสนอแนะที่แท้จริงและไม่ผ่านการกรองหรือไม่
การตลาดบริการลูกค้า
ในขณะที่การบริการลูกค้าเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานในแต่ละวันของคุณ เพื่อทำให้เกิดความพึงพอใจ ให้ใช้สิ่งนี้เป็นเครื่องมือทางการตลาดได้ การบริการลูกค้าที่ยอดเยี่ยมเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดการบอกต่อแบบปากต่อปาก เพราะผู้คนต้องการแบ่งปันประสบการณ์เชิงบวก คุณยังสามารถปรับเปลี่ยนการสื่อสารการบริการลูกค้าเพื่อแจ้งให้ลูกค้าทราบเกี่ยวกับโปรโมชัน หรือการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ และผลักดันยอดขายได้
🦘 กลับสู่ด้านบนของหน้าเว็บ
11. ขยายกิจการ
ในตอนนี้ธุรกิจขนาดเล็กของคุณควรจะเป็นเครื่องจักรที่ได้รับน้ำมันหล่อลื่นอย่างดี ภาพสินค้าของคุณอยู่ในจุดที่เหมาะสม คุณกำลังสร้างคอมมูนิตี้ออนไลน์ คุณได้กำหนดกระบวนการดำเนินการ และหวังว่าจะมียอดขายอย่างสม่ำเสมอ
หยุดพักสักแป๊บ เพื่อฉลองให้กับความสำเร็จ! หากคุณมาถึงจุดนี้แล้ว แสดงว่าคุณประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนแนวคิดให้กลายเป็นธุรกิจขนาดเล็กที่มีชีวิตชีวา แล้วต่อไปล่ะ? คุณอาจตัดสินใจที่จะเป็นธุรกิจขนาดเล็ก อุทิศตนเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับฐานลูกค้าที่ภักดี และจัดการทุกอย่างด้วยตัวคุณเอง หรือบางทีคุณอาจพร้อมสำหรับสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น
จากนี้ เราจะพูดถึงขั้นตอนต่อไปสำหรับธุรกิจที่กำลังขยายใหญ่ขึ้น ตั้งแต่การหาเงินทุนเพิ่มเติม ไปจนถึงการจ้างและจัดการพนักงาน
การติดตามผลและการปรับเปลี่ยน
ก่อนที่คุณจะขยายขนาด ให้ประเมินสุขภาพของธุรกิจด้วยวิธีการต่างๆ ผลลัพธ์ของการประเมินนี้จะทำให้คุณมั่นใจในการขยายธุรกิจของคุณ และทำให้คุณทราบว่าควรจะทำอย่างไร โดยมีขั้นตอนดังนี้
- ตรวจสอบตัวบ่งชี้ประสิทธิภาพหลัก (KPI) ตอนรเริ่มต้นธุรกิจ คุณได้กำหนด KPI ซึ่งเป็นตัวชี้วัดเฉพาะที่วัดประสิทธิภาพตามเป้าหมายทางธุรกิจ การตั้งค่าเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญ แต่การติดตามสิ่งเหล่านี้ยิ่งสำคัญกว่านั้น ประสิทธิภาพของคุณเป็นอย่างไร?
- รับข้อเสนอแนะจากลูกค้า เพราะลูกค้าประจำของคุณเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในธุรกิจ เช่นเดียวกับนักลงทุน พวกเขาเดิมพันกับคุณด้วยเงิน ลองตรวจสอบความรู้สึกของลูกค้าด้วยแบบสำรวจ หรือการวิเคราะห์แคมเปญสนับสนุนลูกค้า
- ดำเนินการตรวจสอบธุรกิจ คุณสามารถดูภาพรวมของธุรกิจได้ตลอดเวลา หรือจะใช้การตั้งค่าการตรวจสอบรายไตรมาสหรือรายปี ประเมินสุขภาพทางการเงิน ความคืบหน้าของเป้าหมาย และตำแหน่งในตลาด
การรับเงินทุนแบบ 2.0
คุณอาจเริ่มต้นธุรกิจของคุณด้วยการลงทุนส่วนบุคคลและการ Bootstrapping แต่หากแผนเริ่มใหญ่ขึ้น คุณอาจต้องหาเงินทุนสำหรับธุรกิจ เพราะเงินส่วนนี้จะสามารถช่วยคุณเปิดธุรกิจ จ้างพนักงาน หรือพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ได้
ก่อนที่คุณจะเริ่มต้น มาเช็คลิสต์ไปพร้อมๆ กันว่าคุณพร้อมแค่ไหน
✅ อัปเดตแผนธุรกิจด้วยวิสัยทัศน์ในการเติบโต
✅ รวบรวมงบการเงิน
✅ เขียนและฝึกฝนการนำเสนออย่างกระชับ
✅ หาที่ปรึกษาทางธุรกิจ เพื่อช่วยคุณเตรียมตัวสำหรับการนำเสนอและขัดเกลาแผนธุรกิจ
มีแหล่งเงินทุนมากมายสำหรับการเติบโตของธุรกิจของคุณ รวมถึง
สินเชื่อธุรกิจ
สินเชื่อธุรกิจขนาดเล็ก สามารถขอได้จากหลายแหล่ง รวมถึงธนาคารขนาดใหญ่ สหกรณ์ออมทรัพย์ และผู้ให้กู้ทางเลือก สิ่งสำคัญคือต้องตรวจสอบตัวเลือกที่มีอยู่จากแต่ละราย เพื่อตัดสินใจว่าสินเชื่อประเภทใดเหมาะกับธุรกิจของคุณมากที่สุด ที่ปรึกษาทางการเงินสามารถช่วยคุณในการตัดสินใจอย่างชาญฉลาด
เงินช่วยเหลือธุรกิจ
เงินช่วยเหลือธุรกิจขนาดเล็ก นำเสนอโดยองค์กรหลายประเภท องค์กรเหล่านี้ต้องการเสนอเงินช่วยเหลือให้กับธุรกิจขนาดเล็กที่รวบรวมวัตถุประสงค์ขององค์กรและเพิ่มมูลค่าให้กับคอมมูนิตี้เฉพาะ ด้วยเหตุนี้ เกณฑ์สำหรับเงินช่วยเหลือแต่ละประเภทจึงแตกต่างกัน
เงินช่วยเหลือธุรกิจขนาดเล็กไม่ใช่สินเชื่อ และคุณไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินที่คุณได้รับคืน อย่างไรก็ตาม อาจมีความคาดหวังที่ไม่ใช่ตัวเงินบางอย่างที่คุณต้องปฏิบัติตาม
Crowdfunding
Crowdfunding จะเน้นโครงการหรือแคมเปญส่วนตัว โดยปกติผ่านผู้ให้บริการ Crowdfunding เพื่อระดมเงินทุนสำหรับธุรกิจของคุณล่วงหน้าก่อนการเปิดตัว ขั้นตอนสำคัญของการเติบโต หรือผลิตภัณฑ์ใหม่ เงินเหล่านี้มาจากประชาชนทั่วไป ไม่จำเป็นต้องชำระคืน แต่แบรนด์มักเสนอสิ่งจูงใจ เช่น ผลิตภัณฑ์ การเป็นสมาชิก หรือสินค้าฟรีให้กับผู้ร่วมทุน
การขยายทีม
เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเติบโตทางธุรกิจในระยะยาวอาจไม่สามารถทำทุกอย่างได้ตลอดไป เมื่อคุณเติบโตขึ้น ให้มุ่งเน้นไปที่แง่มุมของการดำเนินธุรกิจที่คุณชอบมากที่สุดและสิ่งที่เหมาะสมกับทักษะของคุณมากที่สุด สำหรับส่วนที่เหลือคือการมอบหมายให้กับทีมงาน ซึ่งมี 3 วิธีหลักในการแบ่งเบาภาระงาน ดังนี้
ในขั้นต้น คุณสามารถใช้แอป Bot เพื่อทำให้กระบวนการของคุณเป็นแบบอัตโนมัติ แอปเหล่านี้สามารถทำทุกอย่างได้ตั้งแต่การส่งการสื่อสารกับลูกค้าไปจนถึงการสร้างรายงานทางการเงิน ช่วยให้คุณมีเวลาว่างมากขึ้น
แต่ในไม่ช้า คุณอาจต้องการความช่วยเหลือจากมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณต้องการแบ่งเบาภาระงานที่ต้องทำด้วยตนเองหรือจ้างพนักงานสำหรับการบริการลูกค้า หากหลักเกณฑ์ของแบรนด์ของคุณไม่มีปรัชญาใดๆ เกี่ยวกับการจ้างงาน ก็ยังคงเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการพิจารณาคุณสมบัติที่คุณกำลังมองหาในพนักงานใหม่
หากคุณยังไม่พร้อมที่จะตั้งค่าการจ่ายเงินเดือนหรือจัดการพนักงาน การเอาท์ซอร์สเป็นอีกวิธีหนึ่งในการเพิ่มกำลังคนของคุณโดยไม่ต้องโคลนตัวเอง ฟรีแลนเซอร์ ผู้ช่วยเสมือน และพนักงานสัญญาจ้างล้วนเป็นตัวเลือกสำหรับธุรกิจที่กำลังเติบโต
การขายในตลาดต่างประเทศ
อีกวิธีหนึ่งในการขยายแบรนด์ของคุณ คือการขยายไปยังตลาดอื่นๆ ซึ่งอาจเป็นการค้นหากลุ่มเป้าหมายใหม่ภายในตลาดการขายที่มีอยู่ของคุณหรือการขายข้ามพรมแดน ก่อนที่จะก้าวเข้าสู่อีคอมเมิร์ซระดับโลก ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้ทำการบ้านแล้ว แต่ละประเทศจะมีกฎระเบียบเฉพาะ ขอคำแนะนำจากทนายความ ก่อนที่คุณจะขายหรือเปิดสถานที่หรือคลังสินค้าในต่างประเทศ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับวิธีเริ่มต้นธุรกิจ
เริ่มทำธุรกิจโดยไม่มีทุนได้หรือไม่?
ได้ คุณสามารถเริ่มต้นธุรกิจโดยไม่มีเงินทุน! งานเสริมที่ใช้เงินลงทุนต่ำ เช่น ร้านค้า Dropshipping หรือธุรกิจพิมพ์ตามสั่ง ต่างก็เป็นวิธีง่ายๆ ในการเริ่มต้นในขณะที่คุณยังทำงานอยู่ คุณสามารถระดมทุนสำหรับธุรกิจนั้นโดยการ Bootstrapping และเมื่อคุณเติบโตขึ้นก็สามารถพิจารณาสินเชื่อธุรกิจขนาดเล็ก หรือแคมเปญ Crowdfunding ใช้ประโยชน์จากชุดทักษะที่คุณมีอยู่ รวมกับการใช้ประโยชน์จากเครื่องมือฟรี
วิธีเริ่มต้นธุรกิจ จากการมีแค่ไอเดียจะทำได้อย่างไร?
ขอแค่มีไอเดียก็เท่ากับคุณได้ทำขั้นตอนที่ใหญ่ที่สุดในการเริ่มต้นไปแล้ว จากนี้คือการนำแนวคิดนั้นไปปฏิบัติ ขั้นตอนต่อไปนี้จะช่วยคุณในการเริ่มต้นธุรกิจขนาดเล็กได้
- หาไอเดียผลิตภัณฑ์ ตลาด และเป้าหมาย
- คำนวณต้นทุนเริ่มต้น
- จัดหาผลิตภัณฑ์ ผู้ขาย หรือวัตถุดิบ
- กำหนดกลยุทธ์การจัดส่ง
- พัฒนากลยุทธ์แบรนด์และเอกลักษณ์ (เลือกชื่อธุรกิจ ออกแบบโลโก้ ฯลฯ)
- สร้างและเปิดตัวเว็บไซต์
- ตัดสินใจครงสร้างธุรกิจและจดทะเบียนธุรกิจ (ขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจ)
- ซื้อกรมธรรม์ประกันภัย
- จัดการเงิน
- ทำการตลาดธุรกิจ (ตั้งค่าบัญชีโซเชียลมีเดีย เขียนแผนการตลาด ฯลฯ)
- ขยายธุรกิจ
ควรเริ่มทำธุรกิจเมื่อใด?
ไม่มีเวลาที่ "เหมาะสม" ในการเริ่มต้นธุรกิจ คุณควรเริ่มต้นธุรกิจเมื่อมีเวลา ความสนใจ และเงินทุน การเริ่มต้นธุรกิจในขณะที่คุณยังทำงานอยู่เป็นวิธีที่มีความเสี่ยงต่ำ ซึ่งถือเป็นการทดสอบก่อนที่จะก้าวกระโดดสู่การเป็นผู้ประกอบการเต็มเวลา
ต้องใช้อะไรในการเริ่มธุรกิจ?
สิ่งที่คุณต้องการในการเริ่มต้นธุรกิจ ได้แก่
- แนวคิดทางธุรกิจ
- เงินทุนเริ่มต้น (เงินออมส่วนบุคคล สินเชื่อ หรือเงินทุนอื่นๆ)
- ตลาดหรือลูกค้าที่ตรงกับแนวคิดของคุณ
- วิธีเข้าถึงและขายในตลาดนั้น (เช่น ร้านค้าออนไลน์)
- ความหลงใหลและความมุ่งมั่นที่จะสร้างธุรกิจตั้งแต่เริ่มต้น
วิธีที่ดีที่สุดในการเริ่มธุรกิจคืออะไร
วิธีที่ดีที่สุดในการเริ่มต้นธุรกิจ คือการเริ่มต้นลงมือทำ ธุรกิจหลายอย่างสามารถเริ่มต้นได้โดยผู้ที่ไม่มีประสบการณ์และมีงบประมาณเริ่มต้นต่ำ
ธุรกิจขนาดเล็กที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด คือธุรกิจที่จับคู่ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับลูกค้าที่เหมาะสม ในเวลาที่เหมาะสม ธุรกิจเหล่านี้ดำเนินการโดยผู้ก่อตั้งที่เข้าใจตลาด และสร้างแบรนด์ที่น่าสนใจให้เหมาะสม คุณสามารถประสบความสำเร็จในทุกอุตสาหกรรมด้วยรูปแบบธุรกิจใดก็ได้ หากคุณทำงานเพื่อประเมินความเป็นไปได้ของแนวคิด กำหนดว่า "ความสำเร็จ" หมายถึงอะไร ก่อนที่คุณจะเริ่มต้นและกำหนดแผนธุรกิจของคุณให้ตรงกับเป้าหมายนั้น
หลังจากที่คุณเปิดตัวด้วยแนวคิดพื้นฐานแล้ว คุณสามารถปรับแต่งได้ตลอดเวลาเมื่อคุณขยายธุรกิจ ใส่ใจกับความคิดเห็นของลูกค้าและเทรนด์ของตลาด
ข้อมูลจากงานวิจัยเพิ่มเติมโดย Wesley Ng และ Leah Mennies