สมมติว่าเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซที่คุณกำลังทำอยู่นั้นกำลังไปได้ดี ทั้งการจัดการสต๊อก ทราฟฟิกยอดคนเข้าชมเว็บไซต์ และลูกค้าของคุณต่างชื่นชมสินค้าของคุณ แต่เท่านี้เรียกได้ว่าครอบคลุมทุกด้านแล้วหรือยัง?
จริงๆ ก็อาจจะยังไม่ครบถ้วนซะทีเดียว เพราะคุณอาจพลาดโอกาสการขายจำนวนมากจากการทิ้งรถเข็นสินค้า
มากกว่า 70% ของรถเข็นสินค้าออนไลน์ ถูกละทิ้งไป ก่อนที่ลูกค้าจะทำการซื้อเสร็จสิ้น
ซึ่งเมื่อถึงตอนนี้ก็อาจจะไม่สามารถโน้มน้าวให้ลูกค้าทั้งหมดที่ทิ้งรถเข็นกลับมาซื้อและทำให้ยอดขายของคุณเพิ่มได้ ด้วยสาเหตุที่ว่าบางคนอาจไม่มีเจตนาที่จะซื้อในตอนแรก แต่อย่างไรก็ตามการพยายามลดอุปสรรคในการซื้อเท่าที่ทำได้ก็ถือเป็นการลงทุนที่มีค่า
เรียนรู้วิธีการเรียกลูกค้าที่หายไป หลังจากที่พวกเขาออกจากเว็บไซต์ (และทิ้งรถเข็นไว้โดยไม่กดซื้อ) ด้วยแคมเปญอีเมลรถเข็นที่ถูกละทิ้ง ซึ่งขับเคลื่อนโดยการตลาดอีเมล จากนั้นตรวจสอบเครื่องมือที่ต้องใช้ในการตั้งค่าแคมเปญ เพื่อลดการทิ้งรถเข็น
อีเมลรถเข็นที่ถูกละทิ้ง คืออะไร?
อีเมลรถเข็นที่ถูกละทิ้ง คืออีเมลที่ส่งไปยังลูกค้าที่กดเพิ่มสินค้าลงในรถเข็น แต่ไม่ได้ทำการชำระเงิน อีเมลนี้เป็นการแจ้งเตือนอย่างเป็นมิตรต่อผู้บริโภคที่อาจถูกทำให้เสียสมาธิและไม่ได้ทำการชำระเงิน ซึ่งเป็นกลยุทธ์การรักษาลูกค้า ที่มีประสิทธิภาพอย่างมากที่บรรดาร้านค้าอีคอมเมิร์ซใช้
ในความเป็นจริง รายงานจาก Klaviyo เผยว่า ธุรกิจที่ใช้อีเมลกู้คืนตะกร้าสินค้า สามารถสร้างกำไรคืนได้ 3.33% ของยอดขายที่สูญเสียไป โดยมีรายได้เฉลี่ยต่อผู้รับอยู่ที่ 3.65 ดอลลาร์ (ประมาณ 124 บาท)
ตัวเลขนี้อาจฟังดูไม่โดดเด่น แต่เมื่อคูณด้วยจำนวนรถเข็นที่ถูกละทิ้งหลายพันคันตลอดทั้งปี จะเห็นได้ชัดว่าอีเมลรถเข็นที่ถูกละทิ้งสามารถทำยอดขายได้
อีเมลลักษณะนี้จะเตือนผู้ซื้อเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาทิ้งไว้ และกระตุ้นให้พวกเขากลับมาและทำการซื้อให้เสร็จสิ้น คุณสามารถปรับแต่งอีเมลรถเข็นที่ถูกละทิ้งด้วยการให้รหัสคูปอง โชว์รูปภาพผลิตภัณฑ์ พร้อมปุ่ม Call-to-action (CTA) และอื่น ๆ เพื่อให้ลูกค้ากลับไปยังหน้าชำระเงิน
ข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นอัตราการทิ้งรถเข็นเฉลี่ยอยู่ที่ 73.65% และแตกต่างกันไปตามประเภทธุรกิจ
- สินค้าลักซูรี่และเครื่องประดับ: 79.94%
- บริการดูแลสัตว์เลี้ยงและสัตวแพทย์: 55.55%
เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซทั้งขนาดใหญ่และเล็กสามารถส่งอีเมลรถเข็นที่ถูกละทิ้ง เพื่อปรับปรุงอัตราการคอนเวอร์ชั่นและฟื้นฟูลูกค้ารายที่หายไป โดยใช้ซอฟต์แวร์ Marketing Automation ที่ช่วยให้กระบวนการนี้เป็นอัตโนมัติได้
ตัวอย่างที่ดีที่สุดของ “อีเมลรถเข็นที่ถูกละทิ้ง”
- Casper
- Rudy’s
- Whisky Loot
- Nomad
- Dollar Shave Club
ตอนนี้คุณรู้แล้วว่าอีเมลรถเข็นที่ถูกละทิ้งคืออะไร มาดูตัวอย่างที่ดีที่สุดเพื่อสร้างแรงบันดาลใจกัน
Casper
หัวข้ออีเมล: คุณลืมอะไรไปหรือเปล่า?
Casper ส่งอีเมลรถเข็นที่ถูกละทิ้งหลังจากที่ลูกค้าละทิ้งเว็บไซต์ โดยใช้หัวข้อ “คุณลืมอะไรไปหรือเปล่า?” กระตุ้นความสนใจของผู้ซื้อและทำให้พวกเขาคลิก เมื่อเปิดอ่านแล้ว อีเมลใช้หัวข้อแกมหยอกว่า “กลับไปเตียง” เพื่อดึงดูดผู้ซื้อ
Casper รักษาอีเมลให้ดูสะอาดและอ่านง่าย โดยมีปุ่ม CTA ที่ชัดเจนที่ชี้ไปยังขั้นตอนการชำระเงิน แบรนด์ยังรวมคำรีวิวในอีเมลเพื่อแสดงให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์ของพวกเขาคุ้มค่ากับการลงทุน และให้โอกาสผู้อ่านในการดูรีวิวเพิ่มเติมหากพวกเขาต้องการ
Rudy’s
หัวข้ออีเมล: อย่าปล่อยให้โปรส่งฟรีสูญเปล่า
Rudy's ส่งอีเมลติดตามผลที่ตลกขบขันเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญรถเข็นที่ถูกละทิ้ง หัวข้อ “อย่าผัดวันประกันพรุ่งเหมือนการอัปเดตซอฟต์แวร์” ทำให้รู้สึกเชื่อมโยงได้ ลูกค้าส่วนใหญ่จะรู้ว่า ถ้าคุณไม่อัปเดตซอฟต์แวร์ วันต่อไปก็อาจจะเข้าใช้แอปฯ นันไม่ได้
Rudy's ยังรวมภาพของผลิตภัณฑ์ที่ถูกละทิ้งไว้ในรถเข็ต และเสนอการจัดส่งฟรี ซึ่งเป็นความพยายามสุดท้ายเพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าทำการซื้อให้เสร็จสิ้น
Whisky Loot
หัวข้ออีเมล: รถเข็นของคุณกำลังกลับมา
Whisky Loot ส่งการเตือนรถเข็นที่ถูกละทิ้งที่เน้นความฮา เมื่อผู้ซื้อทิ้งออเดอร์ก็จะได้รับข้อความที่มีหัวข้อ “รถเข็นของคุณกำลังกลับมา” มันเป็นเรื่องตลกและไม่เหมือนใคร ซึ่งสามารถปรับปรุงอัตราการคลิกเปิดอีเมลและอัตราการคอนเวอร์ชั่นได้ แสดงให้เห็นว่าความเฮฮาสามารถสวมบทบาทที่ไม่คาดคิดในกลยุทธ์ตะกร้าที่ถูกละทิ้งได้
อีเมลเริ่มต้นด้วยคำถาม จากนั้นจึงระบุสิ่งที่คุณสามารถทำได้กับวิสกี้ภายในกล่อง ทุกอย่างเป็นเรื่องที่น่าขบขัน ทำให้คนอ่านหัวเราะและจินตนาการว่าพวกเขาจะใช้สินค้าเหล่านี้ในทางที่ตลกขบขันอย่างไร Whisky Loot สรุปด้วยส่วนคำถามที่พบบ่อยและปุ่ม CTA ที่เขียนว่า “ให้รางวัลตัวเอง”
Nomad
หัวข้ออีเมล: Nomad Gear จะหมดแล้ว
Nomad ส่งอีเมลรถเข็นที่ถูกละทิ้งที่เป็นตัวอย่างที่ดีอีกราย หัวข้อทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงการขาดแคลน (FOMO) เพื่อดึงดูดให้คลิก ภาพที่ใช้มีความสอดคล้องกับแบรนด์ พร้อมด้วยข้อความที่สนุกสนาน แต่ยังอธิบายวิธีที่ผู้ชมสามารถกู้การซื้อกลับมาได้
อีเมลยังกล่าวถึงจุดเจ็บปวดทั่วไป ภายใต้ส่วน “กลัวที่จะเสี่ยงกระโดด?” จากนั้นข้อความให้ความสบายใจแก่ผู้อ่านโดยอธิบายนโยบายการคืนสินค้าและการรับประกัน 2 ปีของ Nomad ซึ่งข้อเสนอนี้ยังเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับอีเมล แสดงให้เห็นว่าแบรนด์ยืนหยัดกับคุณภาพสินค้าหลังการขาย
Dollar Shave Club
หัวข้ออีเมล: คุณหายไปไหน?
Dollar Shave Club เป็นที่รู้จักในด้านแคมเปญการตลาดที่มีอารมณ์ขันและเป็นกันเอง และชุดอีเมลรถเข็นที่ถูกละทิ้งก็ไม่แตกต่างกัน หัวข้อสั้นและให้เหตุผลว่าทำไมคนอ่านต้องซื้อสินค้านี้
เมื่อเปิดอ่านอีเมลแล้ว ข้อความแบบหัวข้อย่อยทำให้อ่านง่ายและระบุเหตุผลว่าทำไมมีดโกนของ Dollar Shave Club ถึงดี ภาพที่แสดงให้เห็นสิ่งที่คุณจะได้รับในกล่องรายเดือนของแบรนด์ Dollar Shave Club ยังมีการรับประกันคืนเงิน 100% เพื่อขจัดข้อสงสัยและกระตุ้นให้ผู้อ่านใช้ประโยชน์จากข้อเสนอ
แนวทางที่ดีที่สุดสำหรับตะกร้าที่ถูกละทิ้ง
- ส่งอีเมลในเวลาที่พอดี
- เสนอรหัสส่วนลด
- รวมโซเชียลพรูฟ
- สำรองสินค้าในรถเข็น
- ทดสอบข้อความรถเข็นที่ถูกละทิ้ง
- เตือนลูกค้าเกี่ยวกับสินค้าที่ทิ้งไว้
- ใช้ข้อความอีเมลที่ดี
- ใช้ปุ่ม Call-to-action (CTA)
ทุกอีเมลรถเข็นที่ถูกละทิ้ง ต้องมีข้อความที่ดึงดูดใจและเสิร์ฟวิธีที่ง่ายในการกลับไปยังรถเข็น หรืออย่างน้อยแสดงรายการสินค้าที่ถูกละทิ้งไว้ นอกจากนี้ยังมีแนวทางดีๆ อื่นๆ และเคล็ดลับสำหรับกลยุทธ์อีเมลรถเข็นที่ถูกละทิ้งที่เรารวมไว้ด้านล่างนี้
1. ส่งอีเมลในเวลาที่พอดี
การศึกษาล่าสุดแสดงให้เห็นว่า ยิ่งคุณส่งอีเมลรถเข็นที่ถูกละทิ้งเร็วเท่าไร ผลลัพธ์ที่คุณจะได้ก็จะยิ่งดีขึ้นเท่านั้น เอเจนซี่การตลาดทางอีเมล Rejoiner ยืนยันเรื่องนี้หลังจากวิเคราะห์อีเมลฟื้นฟูรถเข็นหลายล้านฉบับในแพลตฟอร์มของตน เป้าหมายคือการหาช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะสร้างรายได้จากลูกค้า
ผลลัพธ์ที่ได้คืออะไร? Rejoiner พบว่าการส่งอีเมลติดตามผลหลัง นับจาก 1 ชั่วโมงหลังรถเข็นถูกทิ้งทำให้มีอัตราการคอนเวอร์ชั่นเฉลี่ยอยู่ที่ 16% แต่หากคุณส่งอีเมลเร็วเกินไป คุณอาจเห็นอัตราการคอนเวอร์ชั่นที่ต่ำลง หากคุณรอนานเกินไป ผลลัพธ์ก็จะแย่ลงไปอีก
Rejoiner ยังพบว่าแม้ว่าอีเมลแรกจะมีประสิทธิภาพมากที่สุด แต่ก็ไม่สามารถฟื้นฟูยอดขายที่หายไปทั้งหมดจากผู้ที่ทิ้งรถเข็นได้ นั่นคือเหตุผลที่แนะนำให้ใช้ชุดอีเมล 3 ชุดในกลยุทธ์อีเมลรถเข็นที่ถูกละทิ้ง เพื่อสร้างรายได้ให้มากที่สุด
- อีเมลแรก ส่งหนึ่งชั่วโมงหลังจากการทิ้ง
- อีเมลที่สอง ส่งหนึ่งวันหลังจากการทิ้ง
- อีเมลที่สาม ส่งสามวันหลังจากการทิ้ง
การตั้งค่าชุดตะกร้าที่ถูกละทิ้งตามที่กล่าวมาข้างต้นนั้นทำได้ง่ายใน Shopify eMail เรียนรู้เพิ่มเติมโดยการอ่านวิธีสร้างชุดอีเมลรถเข็นที่ถูกละทิ้ง
2. เสนอรหัสส่วนลด
ลูกค้าส่วนใหญ่ทิ้งรถเข็น เพราะราคารวมสูงกว่าที่พวกเขาคาดไว้
เมื่อผู้คนคิดเกี่ยวกับจำนวนเงินที่พวกเขาจะจ่าย พวกเขามักจะดูจำนวนราคาของแต่ละรายการในรถเข็น แต่อาจจะไม่ได้พิจารณาค่าจัดส่งหรือภาษี
นั่นคือเหตุผลหลักที่คนทิ้งรถเข็นเพราะค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสูงเกินไป
และมีวิธีง่าย ๆ ในการฟื้นฟูลูกค้าประเภทนี้ นั่นคือการให้ส่วนลด
หัวข้ออีเมลรถเข็นที่ถูกละทิ้งของ Alex Mill ชัดเจน นั่นคือ “รับส่วนลด 15%!” เมื่อคุณเปิดอีเมล คุณจะเห็นรายการสินค้าที่คุณทิ้งไว้พร้อมกับส่วนลด 15% ผลลัพธ์ที่ได้งานนี้จะเป็นอะไร? ก็น่าจะไม่พ้นยอดขาย
การสร้างส่วนลดนั้นง่าย เพียงตัดสินใจเกี่ยวกับจำนวนเงิน ทำรหัสส่วนลด และทิ้งไว้ในตะกร้าสินค้าที่ถูกละทิ้ง
ตอนนี้ คุณต้องตัดสินใจอย่างรอบคอบว่าส่วนลดเหมาะกับธุรกิจของคุณหรือไม่ คุณรู้ว่ามีลูกค้าจำนวนมากที่ทิ้งรถเข็นแต่ไม่มีร้านค้าใดที่เผชิญกับเหตุผลเดียวกัน
คุณมีโอกาสดีที่จะกระตุ้นให้ลูกค้าของคุณทำการซื้อหลังจากได้รับส่วนลดหรือโปรส่งฟรี แต่คุณก็ไม่ต้องการที่จะโดนหักกำไรมากเกินไป
จุดนี้มีความละเอียดอ่อน และคุณต้องตัดสินใจว่าคุณจะเสนอส่วนลดหรือไม่และอย่างไร ส่วนมีคำตอบที่ถูกต้องก็อาจจะเป็นเพราะลูกค้าของคุณอาจเดินจากไปจากข้อเสนอเพราะราคา หรือด้วยเหตุผลอื่นๆ ขึ้นอยู่กับคุณที่จะค้นหาต้นเหตุของพฤติกรรมเหล่านั้นหรือไม่
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ 7 แคมเปญอีเมลออโต้ที่ทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ
3. โซเชียลพรูฟ
หลักฐานทางสังคมเป็นหนึ่งในเครื่องมือการตลาดที่มีอิทธิพลมากที่สุด มันเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการสร้างความไว้วางใจกับผู้ที่ทิ้งรถเข็น และสามารถกระตุ้นให้พวกเขาทำการซื้อให้เสร็จสิ้น โซเชียลพรูฟทำให้คนหยุดเช็คสิ่งที่คนอื่นพูดถึงผลิตภัณฑ์ และทำให้พวกเขาอยากลองเสี่ยงกับแบรนด์ของคุณ เพราะคำนิยมจากลูกค้าคนอื่นๆ
ในอีเมลของ Adidas แบรนด์รวมโซเชียลพรูฟของลูกค้าที่ให้ความเห็นเกี่ยวกับรองเท้ารุ่นที่ถูกทิ้งไว้ในรถเข็น โดยโชว์ในรูปแบบของรีวิว
4. สำรองสินค้าที่อยู่ในรถเข็น
วิธีหนึ่งในการใช้ประโยชน์จากผลกระทบของความขาดแคลน คือการจำกัดระยะเวลาที่ลูกค้าจะมีของอยู่ในรถเข็น
ลูกค้ารู้ว่าร้านค้าออนไลน์ขนาดเล็กที่ไม่มีสต๊อกซับซ้อน และมักจะขายสินค้าที่ได้รับความนิยมหมดไปบ่อยๆ การรู้ว่าสินค้าเหล่านั้นจะไม่ถูกเก็บไว้สำหรับพวกเขา อาจจะกระตุ้นการซื้อได้
อีเมลด้านล่างจาก Beardbrand แจ้งให้ผู้ซื้อทราบว่าสินค้าในรถเข็นของพวกเขามีสต๊อก แต่จะหมดอายุในไม่ช้า มันใช้กลยุทธ์ทางจิตวิทยานี้เพื่อกระตุ้นให้ผู้คนซื้อก่อนที่สินค้าจะหมด
ก่อนที่คุณจะใช้แคมเปญนี้ เช็คให้แน่ใจว่าสินค้ามีจำนวนมากและคุณสามารถล็อคไอเทมนี้ไว้สำหรับผู้ที่อาจจะไม่ซื้อ เพราะหากสินค้าขาดแคลน อย่าลืมว่าคุณต้องจัดส่งให้กับลูกค้าที่ได้จ่ายเงินก่อน
5. ทดสอบข้อความรถเข็นที่ถูกละทิ้ง
ข้อความรถเข็นที่ถูกละทิ้งคล้ายกับอีเมลรถเข็นที่ถูกละทิ้ง แต่ข้อความจะถูกส่งไปยังอุปกรณ์มือถือของบุคคลนั้น นี่เป็นกลยุทธ์การฟื้นฟูการขายแบบใหม่ แต่ได้ผล เพราะผู้คนมีแนวโน้มที่จะเห็นการแจ้งเตือน SMS มากกว่าที่จะเห็นอีเมลในกล่องจดหมาย ซึ่งสามารถนำไปสู่การคลิกและการขายที่สูงขึ้น
คุณสามารถใช้ข้อมูลที่รวบรวมเกี่ยวกับผู้ซื้อ เช่น ชื่อและผลิตภัณฑ์ที่พวกเขาทิ้งไว้ เพื่อปรับแต่งข้อความ SMS ซึ่งบางผู้ให้บริการ SMS Marketing เช่น ManyChat ยังอนุญาตให้คุณใส่ลิงก์คลิกเดียวลงในข้อความ เพื่อนำลูกค้ากลับไปยังหน้าผลิตภัณฑ์ของ Shopify ได้อย่างสะดวก
เรียนรู้วิธีสร้างข้อความรถเข็นที่ถูกละทิ้ง อ่านวิธีลดอัตราการทิ้งรถเข็นด้วย SMS
6. แจ้งเตือนเกี่ยวกับสินค้าที่ลูกค้าทิ้งไว้
อาจเป็นไปได้ว่าหลังจากเวลาผ่านไป ลูกค้าอาจตัดสินใจว่าพวกเขาต้องการซื้อในที่สุด ซึ่งอาจใช้เวลาหลายชั่วโมงหลังจากการทิ้ง เพื่อให้พวกเขานึกถึงสิ่งที่พวกเขาเห็นในรายการตั้งแต่แรก แตกต่างจากการ Cold Reach ตามรูปแบบอีเมลธุรกิจมาตรฐาน เพราะคือโอกาสที่อบอุ่น
ลูกค้าอาจทิ้งรถเข็นไว้ด้วยเหตุผลที่ไม่คาดคิด เช่น ปัญหาอินเทอร์เน็ต ซึ่งพวกเขาอาจจะยังต้องการซื้อ การเก็บรถเข็นของพวกเขาไว้ หรือแสดงรายการสินค้าที่พวกเขาวางแผนจะซื้อ และส่งอีเมลพร้อมลิงก์ไปให้ เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการนำลูกค้าเหล่านั้นกลับมา
ดูตัวอย่างนี้จาก American Giant ที่ทำข้อความง่ายๆ บอกลูกค้าเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาได้ละทิ้ง และยังแปะลิงก์เพื่อให้กลับไปที่รถเข็นได้ง่าย โดยข้ามหน้าลงทะเบียน เพื่อลูกค้าจะไม่ต้องให้ข้อมูลซ้ำอีก
นี่คือตัวอย่างการฟื้นฟูอีกตัวอย่างหนึ่งที่เรียบง่ายและมีประสิทธิภาพจาก Perigold เพราะสื่อสารได้อย่างรวดเร็วและแม้กระทั่งเสนอคำแนะนำผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมในอีเมล เพื่อช่วยให้ให้ค้นหาผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ได้อย่างง่ายดาย
เรามีตัวอย่างที่โดดเด่นอีกหนึ่งตัวอย่าง Chubbies ที่ประสบความสำเร็จใน 3มิติด้วยอีเมลที่ยอดเยี่ยม ได้แก่ ภาพที่น่าสนใจ ข้อความที่ดี และลิงก์ที่หลากหลาย
มาลองให้ความสนใจกับวิธีที่ Chubbies เขียนอีเมลนี้กัน อีเมลระบุว่า “โปรดอนุญาตให้เราพาคุณกลับไปที่รถเข็นสินค้า” หรือ “เรามาปาร์ตี้กันต่อจนถึง 5 ทุ่มนะ” และ “ถูกต้องแล้ว” ทั้งหมดนี้สอดคล้องกับภาพของคนขายกางเกงขาสั้นที่รักความสนุก นอกจากนี้ ให้สังเกตว่าการคลิกที่ลิงก์ใด ๆ ใน 3 ลิงก์ในอีเมล ก็จะนำพาคุณกลับไปยังรถเข็น (มีลิงก์แทรกอยู่ในข้อความ, ภาพหลัก และยังมีปุ่ม Call-to-action ขนาดใหญ่ที่ด้านล่างของอีเมล)
7. ใช้ข้อความอีเมลที่ดี
ตัวอย่างจาก Chubbies ทำหน้าที่เป็นจุดเปลี่ยนผ่านที่ดีสู่ฟีเจอร์อีเมลรถเข็นที่ถูกละทิ้งที่โดดเด่น นั่นคือ สำเนาที่ยอดเยี่ยม
หากคุณคิดว่าอีเมลรถเข็นที่ถูกละทิ้งเป็นโอกาสทางการตลาดเพิ่มเติม ก็ควรใส่ใจในการทำให้สื่อการน่าสนใจ และไม่ควรละเลยจุดนี้ที่นี่ และยิ่งไปกว่านั้นวัตถุประสงค์ของอีเมลรถเข็นที่ถูกละทิ้งอาจมีความสอดคล้องกับอีเมลต้อนรับมากกว่าเนื้อหาที่คุณจะส่งตามปกติ
ส่วนผสมอะไรบ้างที่สร้างอีเมลการตลาดที่ดี? หัวข้อที่ดึงดูดความสนใจ ข้อความที่ดี และภาพที่ดี ล้วนสำคัญ โดยอีเมลด้านล่างเหล่านี้มีความโดดเด่นตามที่เราระบุไว้ ไปดูพร้อมๆ กัน
อีเมลที่มีข้อความดีๆ ที่เราชื่นชอบมาจากร้าน Food52 ที่นอกจากจะแสดงรายการสินค้าและลิงก์ไปยังรถเข็นแล้ว มันยังใช้คำพูดที่เกี่ยวข้องและทำให้เห็นภาพอย่าง “รถเข็นของคุณโทรมา” และ “รถเข็นแอบหวังว่าคุณจะกลับเข้ามาดู” โดยวลีเหล่านี้ทำให้รถเข็นรู้สึกเป็นส่วนตัว และทำให้คุณรู้สึกว่าคุณควรกลับไปเช็คความเป็นอยู่หรืออาการของเพื่อน มากกว่าการเข้าเว็บช้อปปิ้ง
Adidas ไม่กลัวที่จะใช้หัวข้ออีเมลที่กล้าหาญ: “กอดๆ นะ ที่ Wi-Fi ใช้ไม่ได้” โดยเป็นการสมมติว่าการเชื่อมต่อ Wi-Fi ของผู้รับล่ม และยังเขียนว่า “Wi-Fi ของคุณโอเคไหม?” และ “เน็ตล่มตอนดูที่ซิลลูเอตหรอ?” พร้อมลิงก์กลับไปยังรถเข็นของลูกค้า
และดูตัวอย่างนี้จาก Huckberry
Huckberry ใช้การดึงดูดที่แตกต่างออกไป ข้อความที่ใช้คือ “สินค้าและสต๊อกจำกัด และเราไม่สามารถรับประกันได้ว่าของในในรถเข็นจะยังมีอยู่ตอนคุณตัดสินใจที่ซื้อ”
ข้อความให้ความรู้สึกเร่งด่วน หากคุณต้องการสินค้านั้นจริง ๆ ก็ไม่ควรชักช้า ความขาดแคลนเป็นตัวกระตุ้นการขายทางจิตวิทยาที่ทรงพลังที่ผู้ค้าปลีกออนไลน์รู้จักใช้ ลูกค้ากลัวว่าสิ่งที่พวกเขาต้องการซื้ออาจขายหมด Huckberry ใช้ประโยชน์จากความวิตกกังวลนี้และกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อโดยเร็ว
8. วางปุ่ม Call-to-action (CTA)
ปุ่ม CTA คือปุ่มที่คุณใช้ในอีเมลเพื่อชี้นำผู้ชมไปยังรถเข็น มันคือส่วนของอีเมลที่ผู้ชมต้องคลิก เพื่อทำการกระทำที่คุณต้องการ ปุ่ม Call-to-action จะแตกต่างกันไปตามแบรนด์ แต่ทั้งหมดมีเป้าหมายเดียวกัน นั่นคือการนำลูกค้ากลับไปยังรถเข็นของ
คุณสามารถใช้ CTA มาตรฐาน เช่น กลับไปที่รถเข็น หรือช็อปตอนนี้ หรือหากทำอย่างสร้างสรรค์มากขึ้นก็สามารถใช้ CTA ตามแบบที่แบรนด์ Society6 เขียนว่า “รับส่วนลด 30%”
พยายามใช้ปุ่ม CTA เป็นขุมพลังในการสร้างแอ็คชั่น ใช้กริยาเช่น “รับ” หรือ “ช้อป” เพื่อกระตุ้นให้คนซื้อสินค้าที่อยู่ในรถเข็น และคุณยังสามารถทดสอบข้อความ CTA ที่แตกต่างกันในซอฟต์แวร์การตลาดทางอีเมล เพื่อดูว่าอันไหนที่ตรงใจผู้ชมมากกว่า นี่จะช่วยให้คุณเห็นรายได้ที่สูงขึ้น และปรับปรุงผลลัพธ์ของชุดตะกร้าสินค้าที่ถูกละทิ้งได้
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ 20 การตลาดอีเมลที่ดีที่สุดเพื่อกระตุ้นยอดขาย
จะเริ่มส่งอีเมลรถเข็นที่ถูกละทิ้งได้อย่างไร?
ผู้ใช้ Shopify สามารถส่งอีเมลรถเข็นที่ถูกละทิ้ง เชื่อมต่อการชำระเงิน และการเรียกดูผลิตภัณฑ์เป็นอัตโนมัติได้อย่างเต็มที่ โดยใช้เครื่องมือมาร์เก็ตติ้งออโต้เมชั่น Shopify นอกจากนี้ยังมีแอปฯ รีวิวดีๆ อีกหลายตัวที่สามารถสร้างข้อความรถเข็นที่ถูกละทิ้งได้ทันที
หากคุณไม่ได้ใช้ Shopify ก็ยังมีตัวเลือก เช่น Rejoiner โปรแกรมเหล่านี้ส่วนใหญ่จะมีเทมเพลตอีเมลสำเร็จรูปของตะกร้าสินค้าที่ถูกละทิ้งที่คุณสามารถใช้และส่งได้ทันที เพียงแค่ต้องปรับข้อความ ภาพ โปรโมชั่น และการปรับแต่งอื่น ๆ ตามแบบของแบรนด์คุณ
เทมเพลตอีเมลรถเข็นที่ถูกละทิ้ง
หากคุณต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติมในด้านความคิดสร้างสรรค์ ลองดู ฟรี เทมเพลตอีเมลรถเข็นที่ถูกละทิ้ง ด้านล่างนี้
- เทมเพลตอีเมลรถเข็นที่ถูกละทิ้งสำเร็จรูป โดย Bolt
- เทมเพลตอีเมลรถเข็นที่ถูกละทิ้งฟรี 60+ แบบ โดย TargetBay
- เทมเพลตอีเมลรถเข็นที่ถูกละทิ้ง โดย Stripo
ฟื้นฟูยอดขายในร้านออนไลน์ของคุณ
ไม่ว่าคุณจะเป็นนักการตลาดออนไลน์หรือเจ้าของร้านค้าอีคอมเมิร์ซ อีเมลรถเข็นที่ถูกละทิ้งมีความสำคัญต่อการเพิ่มยอดขาย เป็นเครื่องมือที่ตั้งค่าได้ง่ายและควรใช้ เนื่องจากอัตราการทิ้งรถเข็นเฉลี่ยสูงมาก เรียนรู้จากมืออาชีพข้างต้นและเริ่มต้นฟื้นฟูยอดขายวันนี้
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับอีเมลรถเข็นที่ถูกละทิ้ง
อีเมลรถเข็นที่ถูกละทิ้ง ใช้ได้ผลหรือไม่?
ได้ผล อีเมล์รถเข็นที่ถูกละทิ้งสามารถช่วยกู้คืนยอดขายที่หายไป ตามข้อมูลมาตรฐานล่าสุดจากผู้ให้บริการอีเมล Klaviyo ธุรกิจที่ใช้การส่งตะกร้าสินค้าที่ถูกละทิ้งจะสามารถฟื้นฟูยอดขายที่หายไปได้3.33% โดยมีรายได้เฉลี่ยต่อผู้รับอยู่ที่ 3.65 ดอลลาร์ (ประมาณ 124 บาท)
ควรเขียนอะไรในอีเมลรถเข็นที่ถูกละทิ้ง?
ทุกอีเมลรถเข็นที่ถูกละทิ้งควรแจ้งเตือนเกี่ยวกับสินค้าที่ถูกละทิ้งไว้ ข้อความที่กระตุ้นให้เกิดการซื้อ และปุ่ม Call-to-action
หากต้องการส่งอีเมลรถเข็นที่ถูกละทิ้ง ทำได้หรือไม่?
ทุกคนสามารถส่งอีเมลรถเข็นที่ถูกละทิ้งได้ โดยผ่านผู้ให้บริการอีเมล คุณสามารถตั้งค่าส่งอีเมลออโต้ ซึ่งระบบจะทำการส่งข้อความตามเวลา เพื่อที่คุณจะไม่ต้องทำด้วยตนเอง
อีเมลรถเข็นที่ถูกละทิ้งควรมีจำนวนกี่ฉบับ?
แคมเปญอีเมลรถเข็นที่ถูกละทิ้ง มาตรฐานควรมีอย่างน้อย 3 ฉบับ โดยฉบับแรกส่งหลังจากหนึ่งชั่วโมง อีกหนึ่งฉบับหลังจากหนึ่งวัน และอีเมลสุดท้ายในวันที่สาม แต่คุณสามารถสร้างชุดอีเมลได้ตามต้องการ