ถ้าคุณเคยคิดว่าคำบรรยายสินค้าเป็นเรื่องไม่สำคัญ ถ้าคุณเคยคิดว่าข้อมูลในหน้าสินค้า ให้เขียนยาวๆ เข้าไว้ก็พอแล้ว ขอบอกว่าถึงเวลาที่ต้องคิดใหม่แล้ว
คำบรรยายสินค้านั้นมากกว่าการสรุปสิ่งที่คุณกำลังขาย เพราะถ้าคุณเขียนมาดี คำบรรยายสินค้าจะสามารถเพิ่มอัตราคอนเวอร์ชันให้กับร้านคุณ ทำให้สินค้าของคุณดูมีค่ามากยิ่งขึ้น รวมถึงทำให้ลูกค้ายินดีที่จะจ่ายเงินมากขึ้นด้วย
มาพบกับวิธีบูสต์ธุรกิจอีคอมเมิร์ซของคุณด้วยการเขียนคำบรรยายสินค้ากันเลย
ให้ Shopify Magic เขียนคำบรรยายสินค้าให้คุณ
ถ้าคุณเคยแอบฝันว่าสินค้าน่าจะเขียนคำบรรยายได้เอง เราก็ขอแนะนำ Shopify Magic เครื่องมือปัญญาประดิษฐ์ของ Shopify ที่ออกแบบมาเพื่อการขายสินค้าโดยเฉพาะ โดยเครื่องมือนี้จะสร้างคำบรรยายสินค้าใ้หคุณภายในไม่กี่วินาที ทำให้สินค้าของคุณออกไปสู่สายตานักช้อปได้เร็วกว่าเดิม
เรียนรู้เกี่ยวกับ Shopify Magic
คำบรรยายสินค้า คืออะไร
คำบรรยายสินค้ าคือการเขียนก๊อปปี้ทางการตลาด ที่บอกผู้คนว่าสินค้าคืออะไรและทำถึงควรซื้อ นอกเหนือจากการลิสต์รายละเอียดและคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์แล้ว คำบรรยายจะเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับสิ่งที่ทำให้สินค้ามีความพิเศษและชักชวนให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อ
คำบรรยายสินค้าสามารถที่จะมีความยาว สไตล์ และรูปแบบที่แตกต่างกันออกไปได้ และอาจเขียนด้วยน้ำเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์
คำบรรยายสินค้าที่ดี มีลักษณะอย่างไร
คำบรรยายสินค้าที่เขียนขึ้นมาอย่างดีจะสามารถส่งแรงกระเพื่อมให้กับยอดขาย ความพึงพอใจของลูกค้า และชื่อเสียงของแบรนด์ได้อย่างมาก คำบรรยายสินค้ามีหน้าที่ 2 ประการ ดังนี้
- ให้ข้อมูลลูกค้าเกี่ยวกับรายละเอียดสินค้า เช่น ฟีเจอร์ การใช้งานและประโยชน์ สิ่งนี้ช่วยให้ลูกค้าเข้าใจว่าสินค้าคืออะไร มีลักษณะแบบไหนและใช้ยังไง
- ชักจูงให้ลูกค่าเชื่อคุณค่าของสินค้า นี่คือจุดที่พลังในการชักชวนของคำบรรยายสินค้าเข้ามามีบทบาท โดยตอบคำถามที่ว่า “สินค้านี้แก้ปัญหาอะไรได้” และ “ทำไมถึงดีกว่าคู่แข่ง”
เมื่อคุณตอบคำถามเหล่านี้ได้ คำบรรยายสินค้าที่ดีก็จะทำให้เห็นภาพการนำเสนอคุณค่าของสินค้าที่ชัดเจน เพราะได้เน้นย้ำประโยชน์และข้อดีที่ทำให้สินค้าชิ้นนี้แตกต่างจากคู่แข่ง
คำบรรยายสินค้าที่ดีจะชี้นำผู้ซื้อผ่านกระบวนการตัดสินใจซื้อ โดยเปลี่ยนพวกเขาจากผู้ที่สนใจเป็นผู้ซื้อที่มีแรงจูงใจ ทำให้พวกเขามีแนวโน้มที่จะกดปุ่มซื้อมากขึ้น
วิธีเขียนคำบรรยายสินค้าให้ดึงดูดใจและขายได้
- พูดคุยกับลูกค้าในอุดมคติ
- เน้นประโยชน์ ไม่ใช่คุณสมบัติ
- หลีกเลี่ยงวลีธรรมดาๆ
- สื่อความยอดเยี่ยมด้วยข้อเท็จจริง
- กระตุ้นจินตนาการของลูกค้า
- เล่าเรื่องราวของสินค้า
- ใช้ภาษาที่กระตุ้นความรู้สึกด้านการสัมผัส
- เพิ่มการพิสูจน์ทางสังคม
- ทำให้คำบรรยายอ่านง่าย
- ตั้งค่าและวัด KPI
1. พูดคุยกับลูกค้าในอุดมคติ
ถ้าคุณเขียนคำบรรยายสินค้าโดยตั้งกลุ่มเป้าหมายเอาไว้กว้างๆ คำบรรยายนั้นก็อาจไม่ชัดเจนและไม่สื่ออะไรกับใครเลย
เพื่อทำให้คำบรรยายของคุณน่าสนใจ คุณต้องสื่อสารถึงกลุ่มเป้าหมายของคุณโดยตรง เดาว่าลูกค้าจะถามอะไรเกี่ยวกับสินค้าและเขียนคำตอบนั้นลงไปเหมือนกับกำลังพูดคุยกันต่อหน้า โดยใช้ภาษาที่เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายของคุณ ซึ่งรวมถึงการใช้คำว่า "คุณ" ด้วย
มาดูกันว่าร้านเสื้อผ้า The Oodie นำแนวทางนี้ไปใช้เขียนคำบรรยายสินค้าให้กับ I Love Plants Oodie อย่างไร
คำบรรยายสินค้า I Love Plants Oodie:
“เห็นต้นไม้ทีไรก็อดซื้อไม่ได้ใช่ไหม เหลือจะเชื่อเลย แต่ไม่ต้องกังวล เพราะเราก็เป็นเหมือนกัน! มาห่มตัวคุณด้วยสิ่งใหม่ที่คุณชอบกับ I Love Plants Oodie ที่เพิ่งมาใหม่! เราจะปลูกต้นไม้ 1 ต้นสำหรับทุกยอดขาย I Love Plants Oodie ”
เวลาเขียนคำบรรยายสินค้าสำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซของคุณ ให้เริ่มต้นด้วยการจินตนาการถึงลูกค้าในอุดมคติของคุณ พวกเขาชอบน้ำเสียงแบบไหน คำศัพท์ที่พวกเขาคุ้นเคยคืออะไร มีคำไหนที่พวกเขาไม่ชอบหรือไม่ มีเรื่องไหนที่พวกเขาอาจสงสัย
ให้คิดถึงวิธีที่คุณจะสื่อสารกับลูกค้าในอุดมคติของคุณถ้าคุณกำลังขายสินค้าของคุณแบบตัวต่อตัวในร้านค้า จากนั้นลองนำภาษานั้นไปใช้ในเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซของคุณ วิธีนี้จะช่วยสร้างการสนทนาทางออนไลน์ที่สื่อสารกับลูกค้าได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่ามีคนเข้าใจพวกเขา
2. เน้นประโยชน์ ไม่ใช่คุณสมบัติ
เป็นธรรมดาแหละที่คุณจะตื่นเต้นเกี่ยวกับคุณสมบัติที่เป็นเอกลักษณ์ของสินค้าของคุณ แต่คนที่มีโอกาสเป็นลูกค้ามักจะสนใจมากกว่า ว่าคุณสมบัติเหล่านี้จะเป็นประโยชน์กับพวกเขาอย่างไรบ้าง พวกเขาต้องการเข้าใจว่าสินค้าของคุณจะแก้ปัญหาของพวกเขาหรือทำให้ชีวิตของพวกเขาดีขึ้นได้อย่างไร
การเขียนคำบรรยายสินค้าที่มีประสิทธิภาพจึงต้องเน้นประโยชน์ของแต่ละคุณสมบัติ โดยมีคำตอบให้กับความไม่แน่ใจหรืออคติทางความคิดเกี่ยวกับความช่วยเหลือของสินค้าของคุณ มาดูตัวอย่างดีๆ ในการใช้แนวทางนี้จาก Dr. Squatch บริษัทที่ขายสบู่ธรรมชาติสำหรับผู้ชายกันดีกว่า
คำบรรยายสินค้าสบู่ Pine Tar:
“สบู่นี้ผลิตจากสารสกัดจากสนแท้ แข็งแกร่งพอๆ กับไม้เบสบอลด้ามใหม่เอี่ยม เรียกได้ว่าเป็น MVP ประจำห้องน้ำเลยทีเดียว เพราะสามารถขจัดสิ่งสกปรกด้วยส่วนผสมสเท็กซ์เจอร์หยาบกร้าน พร้อมกลิ่นไม้สนที่มอบความเป็นชายได้อย่างล้ำลึก ผสานโอ๊ตมีลเพื่อช่วยในการผลัดเซลล์ผิว และเชียร์บัตเตอร์ที่ปลอบประโลมผิวได้อย่างดีเยี่ยม พร้อมด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติที่ทำให้กลิ่นเหม็นๆ ต้องยอมศิโรราบ”
หน้าผลิตภัณฑ์ของ Dr. Squatch ระบุรายการส่วนผสมของสบู่ Pine Tar ไว้ในแท็บที่ซ่อนอยู่ เพื่อเริ่มต้นด้วยคำบรรยายที่อธิบายให้เห็นภาพประสบการณ์การใช้งานสินค้า
คำบรรยายนี้บ่งบอกว่าสบู่ทำหน้าที่ของมัน (ทำความสะอาด) ในวิธีที่เหมาะสมกับลูกค้าเป้าหมาย (ผู้ชายที่มองหาของให้ในห้องน้ำที่มาจากธรรมชาติและมีประสิทธิภาพ)
เวลาเขียนคำบรรยายสินค้า ให้พิจารณาประโยชน์ของแต่ละคุณสมบัติของสินค้าของคุณ สินค้าของคุณจะทำให้ชีวิตของลูกค้าดีขึ้นอย่างไร สินค้าของคุณแก้ปัญหาอะไร จำไว้ว่าคุณไม่ได้ขายสินค้า คุณกำลังขายประสบการณ์
คำบรรยายของ Dr. Squatch ยังใช้การเปรียบเทียบที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ (เบสบอล) และคำคุณศัพท์ที่ชัดเจนเกี่ยวกับความเป็นชาย (“แข็งแกร่ง,” “กลิ่นไม้,” และ “หยาบกร้าน”) เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายของตน การปรับแต่งการเขียนก๊อปปี้ในลักษณะนี้จะช่วยให้สินค้าของคุณสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุดมากขึ้น
3. หลีกเลี่ยงวลีธรรมดาๆ
ถ้าคุณไม่แน่ใจว่าจะพูดอะไรเกี่ยวกับสินค้าดี การเขียนคำบรรยายจึงกลายเป็นเรื่องที่ท้าทายไม่เบา และคุณก็คงอยากใช้ข้อความที่เห็นผ่านตาอยู่บ่อยๆ เช่น “มีประสิทธิภาพ” หรือ “คุณภาพสูง” อย่างไรก็ตาม ข้อความนั้นเฝือและไม่สามารถสร้างความประทับใจให้กับคนที่มีโอกาสเป็นลูกค้าได้ พวกเขาเคยได้ยินคำเหล่านี้มาก่อน และมันไม่ให้ข้อมูลที่เป็นเอกลักษณ์หรือทำให้สินค้าของคุณน่าดึงดูดใจเลย
เพื่อหลีกเลี่ยงความน่าเบื่อ คุณจึงต้องเขียนก๊อปปี้ให้ชัดเจนที่สุดเท่าที่จะทำได้
มาดูตัวอย่างจาก Beardbrand กันเลย แทนที่จะเขียนข้อความอ้างถึงประสิทธิภาพของสินค้าแบบกว้างๆ แบรนด์นี้เลือกที่จะบรรยายเหตุผลอย่างละเอียดว่าทำไมบันเดิลรวมสินค้าขายดีนี้จึงเป็นที่นิยม
คำบรรยายบันเดิลรวมสินค้าที่ขายดีที่สุดของ Beardbrand:
“ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดแบบครบวงจร ไม่ว่าจะทำความสะอาดหนวดเครา สระผม ล้างหน้า หรืออาบน้ำ ในขวดไซส์ใหญ่ 14 ออนซ์ ด้วยสูตรที่ผสานสารลดแรงตึงผิวจากมะพร้าวที่ให้ความชุ่มชื้น ผลิตภัณฑ์นี้จึงอ่อนโยนพอสำหรับหนวด ผม และใบหน้า ทั้งมีประสิทธิภาพล้ำลึกพอสำหรับการทำความสะอาดบริเวณอื่นๆ ด้วย
“ชีวิตมันยาก แต่มาทำให้มันง่ายขึ้นด้วยครีมนวดสำหรับทั้งผมและหนวด ซึ่งมีส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื้นจากน้ำมันมะพร้าวและเชียบัตเตอร์ แถม Utility Softener นี้ยังทำหน้าที่เป็นโลชั่นสำหรับโกนหนวด ที่จะช่วยลดการระคายเคืองจากมีดโกนได้ด้วย
“ส่วนผสมระดับรางวัลจากน้ำมันโจโจบา อาบิสซิเนียน น้ำมันละหุ่ง และน้ำมันบาบาสซู ทำให้ Utility Oil เป็นออยล์เพียงหนึ่งเดียวที่คุณต้องการ ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื้นนี้เป็นน้ำมันชะโลมหนวด ผม ผิว รวมถึงเป็นเซรั่มสำหรับใบหน้า และออยล์สำหรับก่อนและหลังการโกนหนวดได้เลย
“ปิดท้ายขั้นตอนการดูแลตัวเองด้วย Styling Paste ตัวช่วยจัดแต่งทรงที่ล็อกผมในระดับปานกลางและให้ฟินิชแบบซาติน ทำให้ใช้ได้กับทั้งผมและหนวด ล็อกลุคของคุณให้อยู่หมัด พร้อมมอบสัมผัสที่นุ่ม มีสปริง และน่าสัมผัสในสไตล์ที่พลิ้วเป็นธรรมชาติ และปรับเปลี่ยนทรงได้”
คำบรรยายที่ละเอียดเช่นนี้ทำหน้าที่หลายประการ ประการแรก มันเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับสินค้าของคุณ โดยการอธิบายประโยชน์เฉพาะของแต่ละสินค้า คุณจะแสดงให้ลูกค้าเห็นว่าคุณรู้จักสินค้าของคุณดีและเชื่อมั่นในคุณค่าของสินค้า
ประการที่สอง คำบรรยายที่ละเอียดช่วยให้ลูกค้าจินตนาการถึงวิธีการใช้สินค้า การวาดภาพประสบการณ์การใช้สินค้าอย่างชัดเจนจะช่วยให้ลูกค้าเข้าใจว่า พวกเขากำลังซื้ออะไรและทำไมมันถึงคุ้มค่าที่จะลงทุน
สุดท้าย คำบรรยายสินค้าที่ละเอียดสามารถสร้างความไว้วางใจได้ เมื่อคุณสามารถเล่าถึงรายละเอียดของสินค้าได้อย่างมั่นใจ ลูกค้าก็มีแนวโน้มที่จะเชื่อถือแบรนด์ของคุณ
💡 เมื่อคำบรรยายสินค้าสามารถดึงดูดใจลูกค้าได้ Beardbrand ก็ได้ใช้โมเดลการสมัครสมาชิก เพื่อสร้างรายได้แบบประจำขึ้นมา
4. สื่อความยอดเยี่ยมด้วยข้อเท็จจริง
คำกล่าวเกินจริงในคำบรรยายสินค้าอาจฟังดูไม่จริงใจ เว้นแต่ว่าจะมีหลักฐานมาสนับสนุนอย่างชัดเจน ถ้าคุณอ้างว่าสินค้าของคุณดีที่สุด ง่ายที่สุด หรือทันสมัยที่สุด คุณต้องบอกเหตุผลที่เฉพาะเจาะจงด้วย
มาดูตัวอย่างการทำเทคนิคการเขียนคำบรรยายสินค้าแบบนี้ไปใช้ในคำบรรยายสินค้าสำหรับที่นอน Wave Hybrid Snow ของ Casper กัน
คำบรรยายสินค้าที่นอน Wave Hybrid Snow ของ Casper:
“ที่นอนที่มอบการซัพพอร์ตได้ดีที่สุดของเรา ได้รับการผสานเข้ากับ Snow Technology เพื่อมอบความเย็นสบายอย่างต่อเนื่องตลอดคืน มาดูวิธีที่ Wave Hybrid Snow ปลดล็อกการนอนหลับที่ลึกที่สุดและเย็นสบายที่สุด เพื่อให้คุณตื่นมาพบกับวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่าเดิม
“โฟมถูกแบ่งออกเป็นโซนที่รองรับตามหลักสรีรศาสตร์เพื่อมอบการซัพพอร์ตระดับสูงสุด พร้อมรองรับแนวกระดูกสันหลัง นี่คือโซลูชันที่ทันสมัยที่สุดของเรา ที่จะทำให้ค่ำคืนอันร้อนอบอ้าวเย็นลง 6°ตลอดคืน”
แม้ Casper ขะอ้างว่า สินค้าของพวกเขาสามารถปลดล็อกการนอนหลับที่ลึกที่สุดได้ แต่พวกเขาก็สนับสนุนคำกล่าวนี้ด้วยหลักฐานข้อเท็จจริง คำบรรยายสินค้าอธิบายว่า “การทดสอบจาก Casper Labs” ได้ทดสอบประสิทธิภาพของที่นอน นอกจากนี้ Casper ยังเสนอการทดลองใช้ฟรี 100 วัน เพื่อแสดงความมั่นใจในสินค้าของตน และให้ลูกค้าได้พิสูจน์คำกล่าวนี้ด้วยตัวเอง
ถ้าสินค้าของคุณนั้นยอดเยี่ยมที่สุดในวงการ ก็ให้ระบุหลักฐานที่เฉพาะเจาะจงลงไปด้วย หรือใส่ข้อความจากลูกค้าที่สามารถให้ความคิดเห็นชักชวนในเชิงบวกได้ ไม่อย่างนั้นก๊อปปี้สำหรับสินค้าของคุณก็จะถูกลดทอนความหนักแน่น
5. กระตุ้นจินตนาการของลูกค้า
มีงานวิจัยที่พิสูจ์ได้แล้วว่าการสัมผัสสินค้าในร้านสามารถสร้างความรู้สึกเป็นเจ้าของและเพิ่มโอกาสในการซื้อได้
แล้วคุณจะทำอย่างไรในการสร้างผลกระทบแบบเดียวกันนี้ให้เกิดขึ้นทางออนไลน์ ในเมื่อผู้ซื้อไม่สามารถสัมผัสสินค้าได้ ภาพถ่ายสินค้าและวิดีโอคุณภาพสูงสามารถช่วยได้ แต่อีกวิธีที่ก็ได้ผลเช่นกัน นั่นก็คือเทคนิคการเขียนก๊อปปี้ที่ทรงพลังเพื่อให้ผู้อ่านปรารถนาจะครอบครอง หรือให้ผู้อ่านสามารถจินตนาการได้ว่าถ้าซื้อสินค้าของคุณมาแล้วจะเป็นอย่างไร
ลองมาดูวิธีที่ Todd Snyder นำคอนเทนต์ที่จุดประกายแรงบันดาลใจมาใช้ ในรูปแบบของสโลแกนและภาพหลักของสินค้าเพื่อโปรโมตคอลเลกชันเสื้อผ้าฤดูใบไม้ผลิ
แท็กไลน์คอลเลกชันเสื้อผ้า:
“ฝันถึงเมืองอามาลฟี”
Todd Snyder พาผู้เข้าชมเว็บไซต์ไปยังชายฝั่งของเมืองอามาลฟีในอิตาลี ซึ่งเป็นสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับความหรูหรา บรรยากาศที่ผ่อนคลาย และสไตล์อันคลาสสิก ภาพนี้ช่วยเชื่อมโยงคอลเลกชันเสื้อผ้าของ Todd Snyder กับไลฟ์สไตล์ชวนฝันที่คุณสามารถพบเจอได้ในเมืองอันมีชื่อเสียงแห่งนี้ของอิตาลี
เพื่อฝึกเทคนิคการเขียนนี้ ให้เริ่มย่อหน้าด้วยคำว่า “จินตนาการ” และจบด้วยการอธิบายว่าผู้อ่านจะรู้สึกอย่างไรเมื่อพวกเขาเป็นเจ้าของสินค้าของคุณ จากนั้นนำข้อความที่คุณสร้างขึ้นไปเขียนเป็นสโลแกนในนำ้เสียงแบบฉบับของแบรนด์คุณ
สมมติว่าคุณกำลังขายเครื่องชงเอสเพรสโซ่ชื่อ Barista Pro ก่อนอื่นคุณอาจสร้างสถานการณ์ที่จินตนาการก่อน
จินตนาการว่าคุณเดินเข้าไปในครัว แสงแดดส่องเข้ามาผ่านหน้าต่าง คุณชงกาแฟที่สมบูรณ์แบบจาก Barista Pro และสัมผัสกับกลิ่นหอมของลาเต้ที่เพิ่งชงใหม่ คุณรู้สึกพอใจและมีพลัง
จากสถานการณ์นั้น คุณสามารถเขียนสโลแกนของสินค้าได้ว่า
เริ่มต้นวันใหม่ด้วยความสุขช็อตพิเศษ
6. เล่าเรื่องราวของสินค้า
วิธีที่มีประสิทธิภาพในการสร้างคำบรรยายสินค้าที่น่าสนใจคือการเล่าเรื่องราวของสินค้าของคุณ เรื่องราวที่เขียนมาอย่างดีสามารถทำให้สินค้าเข้าถึงผู้อ่านและน่าจดจำมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ผลิตภัณฑ์นั้นโดดเด่นในตลาดที่มีการแข่งขันสูง
เรื่องราวของสินค้าอาจมีทั้งแรงบันดาลใจเบื้องหลังการสร้างสรรค์ ความท้าทายที่เผชิญในระหว่างการพัฒนา หรือผลลัพธ์ที่สินค้าชิ้นนั้นมีต่อลูกค้าตั้งแต่ตอนที่เปิดตัว
เวลาที่คุณจะสร้างเรื่องราวของสินค้า ให้คำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้
- อะไรคือแรงบันดาลใจในการทำสินค้านี้
- มีความท้าทายอะไรบ้างในระหว่างการพัฒนา
- สินค้านี้สะท้อนถึงคุณค่าหรือพันธกิจแบรนด์อย่างไร
- สินค้านี้ส่งผลต่อชีวิตของลูกค้าอย่างไร
7. ใช้ภาษาที่กระตุ้นความรู้สึกด้านการสัมผัส
ภาษาที่กระตุ้นประสาทสัมผัส หมายถึง ข้อความที่อธิบายโลกที่เรารับรู้ กล่าวคือสิ่งต่างๆ มีรสชาติ กลิ่น สี รูปร่าง และเสียงอย่างไร เมื่อใช้คำที่กระตุ้นประสาทสัมผัสในคำบรรยายสินค้าของคุณ คุณจะสามารถช่วยให้ลูกค้าจินตนาการออกว่าจะเป็นอย่างไรเมื่อได้เป็นเจ้าของสินค้าชิ้นนั้น
เมื่อคุณใช้ภาษาที่กระตุ้นประสาทสัมผัสในคำบรรยายสินค้าของคุณ คุณไม่ได้ทำให้สินค้าของคุณดูน่าสนใจขึ้นเท่านั้น แต่คุณยังเข้าไปนั่งในหัวของลูกค้าด้วย งานวิจัยล่าสุดแสดงให้เห็นว่าโพสต์ของอินฟลูเอ็นเซอร์ในโซเชียลมีเดียนั้น สามารถเพิ่มการมีส่วนร่วมหรือ Engagement ได้เมื่อมีคำที่กระตุ้นประสาทสัมผัส เช่น “กรอบ” และ “ฉ่ำ”
งานวิจัยอีกชั้นยังเผยให้เห็นว่า การเห็นคำกริยาที่สัมผัสได้ (เช่น “สัมผัส”) สามารถกระตุ้นสมองของคุณให้ตอบสนองราวกับว่าคุณกำลังสัมผัสวัตถุนั้นจริงๆ
ดังนั้น เมื่อเขียนคำบรรยายสินค้าของคุณเอง ให้คุณคำนึงถึงวิธีที่สินค้าของคุณจะกระตุ้นประสาทสัมผัส ไม่ว่าจะเป็นเสียง “กริ๊ก” ของคีย์บอร์ดใหม่ ความรู้สึก “นุ่ม” ของผืนผ้าหรูหรา หรือรสชาติ “สดชื่น” ของผลไม้สด ภาษาที่กระตุ้นประสาทสัมผัสสามารถทำให้คำบรรยายสินค้าของคุณน่าสนใจยิ่งขึ้นได้
8. เพิ่มการพิสูจน์ทางสังคม
เมื่อคนที่มีโอกาสเป็นลูกค้าไม่แน่ใจเกี่ยวกับการซื้อสินค้า พวกเขามักมองหาคำแนะนำจากแหล่งที่เชื่อถือได้ ถึงคุณจะสามารถให้ความมั่นใจผ่านคำบรรยายสินค้าที่มีคุณภาพสูงและกลยุทธ์อื่นๆ ที่ระบุไว้บนหน้าผลิตภัณฑ์ แต่คุณก็ไม่สามารถเป็นบุคคลที่สามที่เป็นกลางได้
ฉะนั้น นี่คือที่มาของรีวิวจากลูกค้าและคำรับรองคุณภาพจากคนในวงการ การพิสูจน์ทางสังคมคือแนวคิดที่ว่า ผู้คนได้รับอิทธิพลจากการกระทำหรือความคิดเห็นของผู้อื่น ยกตัวอย่างเช่น ความคิดเห็นของลูกค้า รีวิวจากลูกค้า คำพูดของนักวิจารณ์มืออาชีพและเว็บไซต์รีวิว หรือการกล่าวถึงในหน้าหนังสือพิมพ์กระแสหลักและนิตยสารในวงการนั้นๆ
แบรนด์เสื้อผ้าออกกำลังกาย Gymshark ได้รวบรวมรีวิวละเอียดๆ จากลูกค้าเอาไว้ในหน้าผลิตภัณฑ์ทุกหน้า พวกเขาไปไกลกว่าระบบการให้คะแนนเป็นดาวแบบเดิมๆ โดยระบุเกณฑ์การรีวิวที่เกี่ยวข้องและเข้าใจง่าย 6 ด้าน เช่น “ความสบาย” และ “สควอตแล้วผ้าไม่บาง”
การขอให้ลูกค้ารีวิวคุณสมบัติแบบเฉพาะเจาะจงของสินค้าเป็นวิธีที่ง่ายและมีประสิทธิภาพในการแสดงให้เห็นว่า คุณเข้าใจในสิ่งที่ลูกค้าของคุณใส่ใจ
ถ้าคุณยังมีลูกค้าไม่มากพอที่จะใส่ลงไปในหัวข้อรีวิวลูกค้า ให้พิจารณาการจัดสรรงบโฆษณาไปสปอนเซอร์การทำคอนเทนต์เกี่ยวกับสินค้าของคุณในสื่อที่มีชื่อเสียงและเกี่ยวข้อง
หรืออย่างน้อยที่สุด คุณสามารถรวมภาพของผู้คนที่ใช้สินค้า เพื่อทำให้เห็นว่าสินค้าของคุณนั้นเป็นที่นิยมและได้รับความไว้วางใจ การเห็นผู้อื่นใช้และเพลิดเพลินกับสินค้าชิ้นนั้นๆ สามารถทำให้คนที่มีโอกาสเป็นลูกค้าของคุณมั่นใจว่าพวกเขากำลังตัดสินใจถูก
9. ทำให้คำบรรยายอ่านง่าย
การออกแบบเว็บไซต์ของคุณช่วยกระตุ้นให้ผู้เข้าชมอ่านคำบรรยายสินค้าของคุณหรือไม่
มาดูว่า Kettle & Fire นำเสนอข้อมูลสินค้าอย่างไร แบรนด์นี้ใช้ไอคอนที่ดึงดูดสายตา แท็บดรอปดาวน์แบบเรียบๆ และการลิสต์รายละเอียดออกมาเป็นข้อๆ เพื่อให้กวาดสายตาอ่านได้ง่าย
ผู้เข้าชมสามารถเลื่อนดูหน้าเว็บได้อย่างรวดเร็ว และเข้าใจการตั้งราคา ประโยชน์สำคัญ ส่วนผสม คำแนะนำการใช้งาน รีวิวจากลูกค้า และค่านิยมของแบรนด์ทั้งหมดในไม่กี่วินาที
Kettle & Fire ยังจัดเรียงข้อมูลตามสิ่งที่ลูกค้าใส่ใจมากที่สุด หมวดหมู่ข้อมูลที่แตกต่างกันถูกแยกออกโดยสีพื้นหลังที่ไม่เหมือนกัน ทำให้สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
การทำให้คำบรรยายสินค้าของคุณชัดเจนและกวาดสายตาอ่านได้ง่าย จะทำให้คำบรรยายนั้นเป็นมิตรกับผู้อ่านและดึงดูดผู้ที่มีโอกาสเป็นลูกค้าของคุณ
มาดูแนวทางการจัดเรียงที่จะทำให้คำบรรยายสินค้าของคุณกวาดตาอ่านได้ง่ายกัน
- ใช้หัวข้อ: ดึงดูดความสนใจของผู้เข้าชมด้วยหัวข้อที่น่าสนใจ
- ใช้จุดหัวข้อ: แบ่งข้อมูลออกเป็นจุดหัวข้อที่อ่านง่าย
- ใช้พื้นที่ว่าง: อย่ากลัวที่จะใช้พื้นที่ว่าง พื้นที่ว่างทำให้เนื้อหาของคุณอ่านง่ายขึ้นได้
- ใช้ขนาดฟอนต์อ่านง่าย: การใช้ขนาดฟอนต์ที่ใหญ่ขึ้นจะทำให้อ่านง่ายขึ้น
- ใช้ภาพคุณภาพสูง: ภาพที่ออกแบบมาอย่างดีสามารถถ่ายทอดข้อมูลมากมายได้อย่างรวดเร็ว
10. ตั้งค่าและวัด KPI
เป้าหมายของคำบรรยายสินค้าคือการชักชวนให้ผู้ซื้อทำการซื้อ แต่คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าคำบรรยายของคุณทำงานได้ทำหน้าที่ของมันแล้ว
นี่คือตัวชี้วัดประสิทธิภาพหลักๆ สำหรับติดตามตรวจสอบหน้าผลิตภัณฑ์ ตัวชี้วัดเหล่านี้จะบ่งบอกว่าคำบรรยายสินค้าของคุณได้ผลหรือไม่
- อัตราคอนเวอร์ชัน บอกคุณว่าผู้เข้าชมหน้าเว็บกลายเป็นลูกค้ากี่คน
- อัตราตะกร้าสินค้าที่ยังไม่ชำระเงิน แสดงให้เห็นว่ามีผู้ซื้อกี่คนที่ใส่สินค้าในรถเข็น แต่ออกจากเว็บโดยไม่ซื้อ ร้านค้าทุกร้านต้องเจอกับตะกร้าสินค้าที่ยังไม่ชำระเงิน แต่ถ้า KPI นี้ไม่ดี คำบรรยายสินค้าและกระบวนการชำระเงินของคุณอาจต้องได้รับการปรับปรุง
- อัตราการคืนสินค้า ชี้ให้เห็นว่ามีสินค้ากี่ชิ้นที่ถูกส่งคืน หากสูง ก็อาจหมายความว่าคำบรรยายสินค้าหรือภาพถ่ายของคุณไม่ได้นำเสนอสินค้าของคุณอย่างถูกต้อง
- การสอบถามเข้ามายังฝ่ายบริการลูกค้า หากคุณได้รับคำถามมากมายเกี่ยวกับสินค้าผ่านทางอีเมลหรือฟีเจอร์ แชทสด ก็หมายความว่าคำบรรยายสินค้าของคุณอาจยังไม่ชัดเจน
- การจัดอันดับในเครื่องมือค้นหา สัมพันธ์โดยตรงกับปริมาณการเข้าชมที่เข้าสู่เว็บไซต์ของคุณ คำบรรยายสินค้าที่ดีช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องมือค้นหาและทำให้สินค้าของคุณปรากฏในผลการค้นหา นำไปสู่ผู้เข้าชมและยอดขายมากขึ้น
เมื่อคุณเลือก KPI ที่คุณต้องการติดตามแล้ว ให้พิจารณาทดสอบเพื่อดูว่าคุณสามารถปรับปรุงคำบรรยายสินค้าของคุณได้อย่างไร การทดสอบ A/B เป็นวิธีที่นิยมในการปรับปรุงคำบรรยาย โดยการสร้างเวอร์ชันใหม่ของคำบรรยายสินค้าและนำเสนอให้กับกลุ่มตัวอย่างของผู้ชมของคุณ ทำให้คุณสามารถเปรียบเทียบประสิทธิภาพของแต่ละเวอร์ชันได้แบบเรียลไทม์
คุณสามารถทำการทดสอบ A/B หลายครั้งเพื่อปรับแต่งคำบรรยายสินค้าของคุณ จนกว่าคำบรรยายนั้นจะทำงานได้ดีเต็มที่ตาม KPI ของคุณ ลองใช้แอปอย่าง OptiMonk เพื่อทำการทดสอบนี้กับร้าน Shopify ของคุณดูได้เลย
เทมเพลตคำบรรยายสินค้า
แม้ว่าคุณจะใช้ AI ในการเขียนคำบรรยายสินค้าที่ยอดเยี่ยม แต่คุณก็ยังต้องพิจารณาคุณสมบัติและประโยชน์ของสินค้าแต่ละชิ้นแยกเป็นตัวๆ ไป สินค้าแต่ละชิ้นมีความต้องการที่แตกต่างกัน และในกลุ่มคนที่มีโอกาสเป็นลูกค้าเองก็มีแรงจูงใจที่จะซื้อแตกต่างกันออกไป
กล่าวคือ คุณสามารถใช้แนวทางที่คล้ายๆ กันเพื่อเขียนคำบรรยายสินค้าให้กับทั้งร้านของคุณได้ โดยทำเทมเพลตคำบรรยายสินค้าที่มีหัวข้อการเขียนแบบปลายเปิดขึ้นมา
ลองสร้างเทมเพลตที่มี 2 ส่วน ซึ่งก็คือส่วนการหาไอเดีย ตามด้วยส่วนคำบรรยายฉบับร่าง
การหาไอเดียคำบรรยายสินค้า
ตอบคำถามเหล่านี้สำหรับแต่ละสินค้าของคุณ เพื่อพัฒนาข้อมูลที่เป็นเอกลักษณ์และเกี่ยวข้อง และนำไปสร้างเป็นคำบรรยายสินค้า
- ใครคือกลุ่มลูกค้าในอุดมคติสำหรับสินค้านี้ การรู้ว่าสินค้าของคุณเหมาะกับใครเป็นพื้นฐานในการเขียนคำบรรยายที่ดี
- สินค้ามีคุณสมบัติพื้นฐานอะไรบ้าง รวบรวมขนาด วัสดุ ฟังก์ชัน คำแนะนำการดูแลรักษา และรายละเอียดข้อเท็จจริงอื่นๆ เกี่ยวกับสินค้าเข้าไว้ด้วยกัน
- ควรใช้สินค้านี้เมื่อไหร่ ระบุเคสตัวอย่างการใช้งานที่คุณตั้งใจให้ลูกค้าใช้สินค้านี้ โดยเน้นไปที่สถานการณ์ที่เหมาะสมที่สุดว่าสินค้านั้นควรใช้เมื่อไหร่
- อะไรทำให้สินค้านี้พิเศษ คิดถึงประโยชน์ที่ไม่เหมือนใครของสินค้า และทำไมมันจึงดีกว่าสินค้าอื่นๆ ที่คล้ายๆ กันที่คู่แข่งนำเสนอ
ร่างคำบรรยายสินค้า
เมื่อคุณรวบรวมข้อมูลสินค้าในลงในเอกสารเรียบร้อยแล้ว ต่อไปก็ให้ใช้เทมเพลตต่อไปนี้เพื่อร่างคำบรรยายสินค้า
- เขียนชื่อสินค้าที่ดึงดูดความสนใจ: รักษาเนื้อหาให้สั้นและเรียบง่าย ในขณะที่ยังสื่อสารการใช้งานหรือประโยชน์ของสินค้าได้ครบถ้วน ตัวอย่างเช่น หากคุณขายเสื้อยืดโยคะที่มีลวดลาย คุณอาจเรียกมันว่า Fleck Studio Shirt
- สร้างย่อหน้าสั้นๆ: เปลี่ยนข้อมูลสินค้าให้เป็นคำบรรยายที่น่าสนใจซึ่งจะเล่าเรื่องราวที่ชัดเจน ตัวอย่างเช่น คุณอาจบรรยายถึงฉากที่สินค้าของคุณกำลังถูกใช้
- สร้างรายการเป็นข้อๆ: เพิ่มส่วนที่แสดงคุณสมบัติและวัสดุของสินค้า
- รวมการพิสูจน์ทางสังคม: ใช้แอปรีวิวสินค้า เพื่อรวบรวมรีวิวจากลูกค้าไว้ในหน้าสินค้า และรวมความคิดเห็นจากลูกค้าโดยใช้ครื่องมือค้นหาหรือแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย
คำบรรยายสินค้า มีค่าเสมอ
การเขียนคำบรรยายสินค้าสำหรับร้านค้าออนไลน์ของคุณไม่ใช่แค่การแสดงฟีเจอร์ แต่เป็นโอกาสที่จะเชื่อมต่อกับกลุ่มเป้าหมาย และแสดงให้พวกเขาเห็นว่าสินค้านั้นเหมาะกับชีวิตของพวกเขาอย่างไร
การค่อยๆ บอกเล่าความกระตือรือล้นเกี่ยวกับเรื่องราวเบื้องหลังสินค้า กระบวนการออกแบบ และรายละเอียดที่คิดมาอย่างดี จะแสดงให้เห็นว่าคุณตื่นเต้นเกี่ยวกับสินค้าของร้านคุณ และสิ่งนี้จะทำให้ลูกค้าของคุณมีแนวโน้มที่จะรู้สึกตื่นเต้นไปพร้อมๆ กัน
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับคำบรรยายสินค้า
จะเขียนคำบรรยายสินค้าได้อย่างไร?
ในการเขียนคำบรรยายสินค้าที่มีประสิทธิภาพ ให้ทำตามขั้นตอนเหล่านี้
- รู้จักลูกค้า: เข้าใจว่าลูกค้าในอุดมคติของคุณคือใคร และพวกเขาสนใจอะไร ใช้ภาษาและคำศัพท์ที่ตรงใจพวกเขา
- เน้นประโยชน์ ไม่เน้นคุณสมบัติ: อธิบายว่าสินค้าของคุณจะแก้ปัญหาหรือทำให้ชีวิตของลูกค้าดีขึ้นอย่างไร
- ใช้ภาษาที่กระตุ้นประสาทสัมผัส: อธิบายว่าสินค้านั้นให้ความรู้สึก กลิ่น เสียง รสชาติ หรือรูปร่างอย่างไร เพื่อช่วยให้ลูกค้าจินตนาการถึงการเป็นเจ้าของหรือการใช้สินค้าออก
- เล่าเรื่องราว: แบ่งปันแรงบันดาลใจเบื้องหลังสินค้า หรือผลลัพธ์ที่สินค้าสร้างให้กับลูกค้า เพื่อทำให้สินค้านั้นเข้าถึงและน่าจดจำมากยิ่งขึ้น
- หลีกเลี่ยงข้อความเฝือๆ: เขียนให้เฉพาะเจาะจง เลี่ยงข้อความที่ใช้กันบ่อยๆ
- รวมหลักฐานทางสังคม: เพิ่มรีวิวจากลูกค้าหรือคำรับรองคุณภาพ เพื่อสร้างความไว้วางใจและความน่าเชื่อถือ
- ทำให้อ่านง่าย: ใช้จุดหัวข้อ หัวข้อย่อย และพื้นที่ว่างเพื่อทำให้คำบรรยายอ่านง่าย
- ใส่ CTA ลงไป: กระตุ้นให้ลูกค้าซื้อหรือดำเนินการในขั้นตอนถัดไป
จุดประสงค์ของคำบรรยายสินค้าคืออะไร?
คำบรรยายสินค้ามีวัตถุประสงค์ 2 ประการ ได้แก่ เพื่อให้ข้อมูลและจูงใจผู้ที่มีโอกาสเป็นลูกค้า คำบรรยายสินค้าให้ข้อมูลแก่ผู้อ่านโดยการอธิบายคุณสมบัติของสินค้า ซึ่งจะช่วยให้พวกเขาเข้าใจตัวอย่างการใช้งานและคุณค่าของสินค้า และในขณะเดียวกันก็จูงใจผู้อ่าน ผ่านการแสดงประโยชน์และโซลูชันของสินค้า ทำให้พวกเรารู้สึกอยากซื้อ
สิ่งที่ต้องมีในคำบรรยายสินค้าคืออะไร?
คำบรรยายสินค้าควรเน้นไปที่คุณสมบัติและประโยชน์หลักของสินค้าให้ชัดเจน เพื่อดึงดูดลูกค้า คุณควรทำให้คำบรรยานน่าสนใจโดยใช้ภาษาในเชิงจูงใจ ซึ่งจะสื่อสารไปยังความต้องการและความปรารถนาของลูกค้าโดยตรง
รูปแบบของคำบรรยายสินค้าที่ดีเป็นยังไง?
คำบรรยายสินค้าที่ดีเริ่มต้นด้วยชื่อสินค้าที่ดึงดูดความสนใจ ตามด้วยย่อหน้าสั้นๆ ที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับคุณค่าของสินค้า จากนั้นก็ลิสต์คุณสมบัติและรายละเอียดของสินค้าออกมาเป็นข้อๆ เพื่อให้อ่านง่าย ก่อนเพิ่มรีวิวจากลูกค้าเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และปิดท้ายด้วย CTA ที่น่าสนใจ